Construction Engineering Technology and Management professional project management approaches to finance, plan, design, construct, monitor control construction projects and Attorney-At-Law.
Jadsadanat Dujawan
![Jadsadanat Dujawan](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhVQDgpMkkJWzAitSuTmfsfx7Qx0MD6bhixVLHlmD5b3aIpjHq3qgm0XP6uXBI2hjp7XZZWYmm6xJh1EusZJ82zVEQ3SbZ_S83Nuvb9rYiqIjdiweNaS9eLnuDEqXF9kNnKBGvtG6GO0MM/s760/IMG00219-20121220-2113.jpg)
รับงานบริการ ด้านวิศวกรรม และอื่นๆ โทร 0897983497
Services by Jedsadanat
Mobile: 089-7983497
* Designs Architecture -ออกแบบสถาปัตยกรรม
* Designs Structure -ออกแบบโครงสร้าง
* Construction Planner -วางแผนงานการก่อสร้าง
* Construction Management -การบริหารการก่อสร้าง
* Other in Civil Engineer -อื่นๆ ในสาขาวิศวกรรมโยธา
* Attorney-At-Law - ทนายความ
* Clover Group/Aimstar - กลุ่มโคลเว่อกรุ๊ป/เอมสตาร์
ก่อนอื่น เรามาฟังนิทาน สร้างใจกันก่อนดีกว่า"ในเรื่อง
ความเชื่อ ที่บ่งชี้ความเป้นไปได"
คุณเคยได้ยินเรื่องที่ควาญช้างฝึกลูกช้างใหมครับ?
เขาจะผูกลูกช้างใว
กับกิ่งไม้ ลูกช้างก็มักจะพยายามดิ้นให้โซ่หลุดออกจากกิ่งไม้ แต่กิ่งไม้
ก้ไม่ขยับเขยื้อนเลย
ลูกช้างใช้ความพยายามอยู่หลายวันแต่ก็ไม่เป็นผล
มันเริ่มจะเชื่อแล้วว่า ตัวเองไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำให้กิ่งไม้หักได้ จนในที่สุด
ในที่สุดลูกช้างก้เชื่อว่าไม่สามารถทำให้กิ่งไม้หักได้ มัน
จึงยอมแพ้เมื่อลูกช้างโตขึ้น
แม้ว่ามันจะมีน้ำหนักหลายสิบตัน แล้วก็ตาม
เมื่อควานช้างนำไปผูกใว้ที่กิ่งไม้ มันก็ไม่เคยที่จะพยามหนีไป ใหน เพราะมันเชื่อว่ามันคงหนีไปใหนไม่ได้แล้ว
และมันก้ไม่เคยแม้แต่ให้โอกาสตัวเองสักครั้งเพื่อพยายามหนีอีกเลยเปรียบได้หลายครั้งกับผู้คนมักใส่โปรแกรมความเชื่อ ว่า
ตัวเองคง ไม่สามารถหลุดพ้นจากวิถีชีวิตเดิมๆๆ
ไม่สามารถทำอะไรได้มากไป กว่านี้ แน่นอนเราไม่มีทางที่จะรู้ว่า ในที่สุดความเป้นจริงที่เกิดขึ้นใน อนาคตคืออะไร
แต่ผมก้เชื่อว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันจะใกล้เคียงกับ
ความเชื่อของเรา เชื่อว่าเราสามารถหลุดพ้นจากวิถีชีวิตเดิมๆ แล้วทำให้คุณค่ามากกว่าเดิมได้
ผลลัพธ์จากความเชื่อที่ใกล้เคียง
ความเป็นจริงที่สุดคือ
"คุณจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม และมีคุณค่ามากกว่าเดิม"
2/12/53
สร้างจิตสำนึก กับคำพูด
การใช้คำพูดที่ดีกับผู้อื่นก็ทำให้คุณดูมีเสน่ห์ได้ โดยการรู้จักใช้คำพูดให้เป็นศิลปะในการผู้มัดใจคนได้ การพูดก็ไม่ควร เลือกที่รักมักที่ชัง จงใช้ภาษาพูดที่ไพเราะ สุภาพกับทุกๆ คนที่เป็นลูกค้าไปทางบวก(Positive Wording) จะทำให้ลูกค้ารัก เอ็นดู และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ และความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ แต่ในทางกลับกันคำพูดทางลบ(Negative Wording) ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ย่อมนำไปสู่ความไม่พอใจ ไม่ชอบ โดยคำพูดในทางลบนั้นเหมือนหลุมพรางที่จะทำให้คุณตกลงไป ซึ่งหลุมพราง ของคำพูดทางลบทั้งหมด 8 แบบ ดังนี้
1."ขวานผ่าซาก"
เป็นคำพูดของคนที่ไม่คิดก่อนพูด ใช้คำพูดโผงผาง ตรงๆ ถ้าไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้สึกเสียใจ ควรที่จะคิดก่อนเสมอว่าจะพูดอะไร และอย่าลืม การใช้ประโยคเกริ่นนำในทางบวก เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้สึกดี
2."ยุแยง ตะแคงรั่ว"
เป็นคนที่ชอบยุแหย่ให้คนเกลียดกัน ซึ่งคนส่วนมากมักจะหลีกเลี่ยงที่ไม่เผชิญหน้ากับคนจำพวกนี้ เพราะคบหาสมาคมด้วยแล้วรู้สึกว่า ชีวิตไม่มีอะไรสร้างสรรค์เลย พูดคุยด้วยแล้วรู้สึกสลดหดหู่
3."เข้าใจอยู่คนเดียว"
เป็นคนที่พูดจาไม่รู้เรื่อง เพราะคนอื่นฟังแล้วไม่เข้าใจ คำพูดแบบนี้จะทำให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจผิด และอาจจะทำให้เกิดเรื่องขึ้นได้ เพราะเกิดการส่งความหมายที่ผิดพลาด ไม่เป็นไปดังที่ตั้งไว้ ดังนั้นเมื่อพูดอะไรไปแล้วควรตรวจสอบความเข้าใจของฝ่ายตรงข้าม ให้ชัดเจนว่าเข้าใจตรงกันหรือไม่ โดยอาจถามว่า “มีอะไรจะถามเพิ่มเติมอีกหรือไม่” คนที่อยู่หลุมพรางนี้ควรที่จะเตรียมตัวไว้ ล่วงหน้าก่อนเสมอ จัดวางลำดับขั้นตอนของเรื่องที่จะพูด อาจยกตัวอย่างมาประกอบให้เห็นชัดในบางช่วงก็ได้
4."เหน็บแนม"
เป็นการใช้คำพูดที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกสะเทือนใจแบบเล็กๆ ซึ่งทำให้ผู้ฟังเกิดความไม่พอใจ โดยเฉพาะถ้าการพูดแบบนี้กับลูกค้าของคุณ อาจจะทำให้สินค้า และบริการของคุณต่อไปก็เป็นได้ อีกทั้งหากผู้พูดไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังเป็นคนที่ชอบพูดเช่นนี้ จะทำให้ต้อง เสียคนรอบข้างไป
5."ยกตน ข่มท่าน"
เป็นคนที่ชอบพูดจาเช่นนี้ เป็นพวกที่ต้องการให้ตนเองดูโดดเด่นเหนือคนอื่น คนประเภทนี้ถ้าเก่งจริงก็ดีไป แต่ถ้าไม่เก่งจริงอย่างปากว่า แล้วล่ะก็จะได้รับผลที่ตนเองได้ก่อไว้อย่างแน่นอน เพราะเป็นคนดีแต่พูดเวลาทำงานจริง กลับทำไม่ได้อย่างที่พูดไว้ตอนแรก ซึ่งการพูดแบบนี้ไม่ได้อะไรขึ้นมาและอาจจะทำให้คนอื่นหมั่นไส้และหนีออกห่างจากคุณอีกต่างหาก
6."ขว้างงูให้พ้นคอ"
เป็นพวกที่ชอบปัดความรับผิดชอบ เพื่อให้ตัวเองพ้นผิด ซึ่งในสังคมไทยสามารถพบเห็นได้มาก เพราะคนไทยขี้กลัว กลัวว่าตัวเอง จะมีความผิด จึงโยนความผิดให้คนอื่น ซึ่งการพูดเช่นนี้หากไม่ใช่เรื่องจริงก็ต้องระวังว่าถ้าอีกฝ่ายรู้ย่อมจะเสียความรู้สึก หรือถ้าเป็นกลุ่ม ลูกค้าคุณก็บอกได้คำเดียวว่า “โชคร้าย” กำลังจะมา
7."ย้ำคิด ย้ำทำ"
เป็นคนที่ชอบพูดแล้วพูดอีก เป็นการพูดแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาตลอด ซึ่งก็ลูกค้าส่วนมากก็ไม่ชอบให้ใครมาจ้ำจี้จ้ำไชตลอดเวลา และตัวคุณเองก็คงเช่นกัน ดังนั้นเมื่อคุณพูดอะไรไปแล้ว ไม่ต้องกังวลถึงงานหรือสิ่งที่ได้รับมอบหมาย หรือมอบหมายให้แก่ผู้อื่น เพื่อดำเนินการ เพราะลูกค้าหรือคนอื่นย่อมมีความคิดเป็นของตนเอง เพราะต่างคนก็โตๆ กันแล้ว
8."แพ้ชวนตี"
เป็นการพูดที่ไม่ยอมรับในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยการกระทำของตัวเอง หรือเป็นพวกที่ผิดแล้วไม่ยอมรับผิด แล้วยังโทษหรือตีโพยตีพายว่า เป็นความผิดของคนอื่น ซึ่งต้องระวังให้มากเพราะเมื่อคุณเริ่มปฏิเสธ คัดค้าน ในเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็ย่อมทำให้ผู้อื่นไม่เชื่อถือ และอาจจะไม่ใช่บริการของคุณอีกเลยก็ได้
ความรักความผูกพัน
18/11/53
Courseswork of B.Eng.
Bachelor of Engineering (B.Eng.) Program in Civil Engineering.
Courseswork.
1. Engineering Drawing.
2. Engineering Economy of Civil Engineers.
3. Hydraulics.
4. Surveying 1.
5. Surveying 2.
6. Survey Camp.
7. Strength of Material.
8. Theory of Structures.
9. Structural Analysis.
10. Rainforced Concrete Design.
11. Soil Mechanics.
12. Soil Mechanics loboratory.
13. Civil Engineering Materials and Testing.
14. Prestressed Concrete Design.
15. Timber and Steel Design.
16. Foundation Engineering.
17. Construction Engineering Management.
18. Hydraulice Engineering.
19. Hydraulice loboratory.
20. Civil Engineering Project 1.
21. Civil Engineering Project 2.
22. Transportation.
23. Concrete Technology.
ความรักความผูกพัน
17/11/53
Courseswork of M.Eng.
Master of Engineering(M.Eng.) Program in Construction Engineering Technology.
Courseswork
1. Megastructure Construction.
2. Economics and Feasibility Analysis.
3. Construction Planning and control.
4. Construction Engineering Technology Practice.
5. Advance Foundation Construction Technology.
6. Tunnel Engineering Technology.
7. Concrete Construction Engineering Technology.
8. Legal Aspects in Construction Business.
9. Organizational and Human Resource Management.
10. Design of Construction Operation and simulation.
11. Master Project.
ความรักความผูกพัน
1/11/53
Investigation construction area
เปิดโครงการใหม่สำหรับ PM,PE,SM และผู้ที่ได้รับมอบหมาย
การสำรวจพื้นที่ เพื่อวางแผนก่อสร้าง
การก่อสร้างอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่ ทั่วไป จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเข้าใจขั้นตอน และเทคนิคการสำรวจที่จำเป็นในการก่อสร้างอาคารอย่างละเอียด ตั้งแต่การรับมอบพื้นที่จากเจ้าของโครงการ การสำรวจหน้างานเบื้องต้น การตรวจสอบและรับมอบแนวอ้างอิง การสำรวจการวางผังอาคาร การกำหนดระดับอ้างอิง การตรวจสอบแนวเสาเข็ม การให้แนวผนังอาคาร การให้แนวดิ่งอาคารสูง การตรวจสอบระดับในแต่ละชั้นอาคาร การตรวจสอบระยะร่น เป็นต้น
การรับมอบพื้นที่ การตรวจรับพื้นที่ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะโครงการก่อสร้างบางโครงการ กำหนดวันที่รับมอบพื้นที่เป็นวันเริ่มสัญญา
การตรวจสอบและรับมอบแนวอ้างอิง(Base Line) โดยส่วนมากจะเป็นการตรวจสอบแนว Base Line ที่กำหนดไว้เทียบกับแนวของเสาเข็มอาคาร
การกำหนดระดับอ้างอิง เป็นความต้องการของเจ้าของโครงการหรือฝ่ายออกแบบ โดยส่วนมากจะให้ยึดที่ curb footpath หรือสันถนน เป็นระดับอ้างอิง การกำหนดระดับอ้างอิงถือเป็นเรื่องสำคัญต่อผู้รับเหมาเพราะ ต้องวางแผนเรื่องงานดินถมและดินตัด
การสำรวจหน้างานเบื้องต้น
จดบันทึกและถ่ายภาพ สิ่งที่ได้จากการสำรวจเบื้องต้นได้แก่ Existing Building,ป่ารกทึบ ต้นไม้ใหญ่,เสา สายไฟฟ้าโทรศัพท์,คลองหรือร่องน้ำสาธารณะ ,บ่อน้ำหรือสระ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการวางแผนงานช่วงเริ่มต้นเป็นอย่างมาก และสิ่งที่ PM,PE,SM ต้องให้ความสำคัญและต้องดำเนินควบคู่กันไป ได้แก่
1 Facility
1.1 Facility for staff คือการจัดเตรียม/จัดหาที่พักสำหรับ staff ที่จะมาเริ่มมาทำงานในโครงการ ที่พัก staff ควรจะสะดวกสบายใกล้ที่ทำงาน ไม่แออัด ใช้แนวคิด ทำงานหนัก ที่พักสบาย วางแผนแก้ปัญหาเรื่องน้ำ,ไฟ หรือรถรับส่งกรณีที่พักอยู่ห่างไกล อันเนื่องมาจากโครงการก่อสร้างอยู่ย่านธุรกิจ
1.2 Facility for Labour ไดแก่การจัดหา บ้านพักคนงาน แบ่งเป็น 2 กรณี
1.2.1 สร้าง Camp กรณีโครงการ มีระยะเวลานานมากกว่า 1 ปี หรือโครงการอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร
1.2.2 เช่า ตึก/ อาคาร กรณีโครงการระยะสั้นหรือมีอาคารขนาดใหญ่ใกล้เคียงพื้นที่ก่อสร้าง
ข้อแนะนำในการจัดหา Labour Camp ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น คือ คนงานเยอะ แต่ไม่ได้เตรียมแผนเรื่องน้ำ ,ไฟ ถ้ามีปัญหาเรื่องน้ำ,ไฟ จะก่อให้เกิดปัญหาต่อคนงาน และ ความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
ปัญหาเรื่อง น้ำประปา, ไฟฟ้า ถ้าเป็นบ้านพัก/ หอพัก Staff จะไม่ค่อยมีปัญหาเนื่องจากมีการติดตั้งไว้แล้ว กรณีเป็น Labour Camp คนงานพักอาศัยจำนวนมาก PM,PE,SM ต้องดำเนินการดังนี้
ทำเองหรือมอบหมายให้ผู้ช่วยส่วนมากคือ Safety officer ไปติดต่อส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น
ไฟฟ้าชั่วคราว การดำเนินการคือ ไปแจ้งความประสงค์จะใช้ไฟฟ้า ทางการไฟฟ้าจะตอบกลับมาว่าให้เราเตรียมเอกสารอะไรบ้าง แล้วแจ้งไปยัง Head Office/แผนกที่มีหน้าที่รับผิดชอบ สำหรับส่วนราชการอื่นๆ ก็มีลักษณะที่คล้ายกัน
1.3 Facility อื่นๆ ความหมายคือ การเตรียมการและจัดการความสะดวกสบายให้พนักงานที่จะเข้ามาทำงานในโครงการ ได้แก่วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือรวมทั้งสวัสดิการอื่นๆ ที่เหมาะสม ตามกฎของ บริษัท เพื่อให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Site Layout
เมื่อ PM,PE,SM ไปสำรวจที่หน้างานครั้งแรก ( ควรจะมีแบบ lay out plan ประกอบด้วย ) PM,PE,SM ต้องตรวจสอบว่า
1. พื้นที่ ที่เป็นส่วนก่อสร้าง ไม่ควรทำเป็น Site Facility
2. ให้ยึดคติที่ว่า Staff ทำงานหนักต้องมีที่นั่งทำงานสะดวกสบาย เพื่อให้สมดุลกับการทำงาน พยายามจัดหา Site Office ให้เร็วทีสุด ทางที่ดีควรติดกับโครงการ ยกเว้นหาไม่ได้ควรตั้ง Site Office ให้อยู่ในเขต green area/land&hard scape นอกจาก Site Office ที่ต้องสร้างในพื้นที่โครงการแล้ว ก็จะมี Temporaryสิ่งปลูกสร้างชั่วคราวดังนี้
store / Maintenance / EE/ Rebar Shop/ Fab Shop และ อื่นๆ สิ่งเหล่านี้ต้องการพื้นที่ในการทำงานทั้งนั้น
: ฉะนั้นให้ PM นำ Lay out plan มาตรวจสอบเพื่อกำหนดตำแหน่งที่จะทำ Temporary
* สำคัญมาก เมื่อเข้าพื้นที่ต้องรีบสร้าง Site Office ให้เสร็จเร็วที่สุด
อุปกรณ์ / สำนักงาน Site Office จะทำงานได้อย่างมีคุณภาพต้องมีน้ำ ไฟฟ้า,แอร์เย็น,อุปกรณ์สำนักงานทั้งหมด
* Site Office ต้องเขียนแบบขึ้นให้เหมาะตามสภาพโครงการ หรือรูปแบบที่มาตรฐาน ( เป็นหน้าที่ของ PM/PE/SM )
ใน Site งาน ไฟฟ้าชั่วคราวในโครงการ ก็ติดต่อเหมือนกับกรณี labour Camp
เปิด Site มาหน้างานยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ให้สั่งเครื่องปั่นไฟมาใช้งานก่อน
3. Progress of work
ในส่วนของ Progress of work PM/PE/SM ควรจัด Organization Chart ให้เหมาะสมตามขนาดของโครงการ เช่น
3.1 ทีม admin/site secretary รับผิดชอบ บัญชีการเงิน จักซื้อ ธุรการ ค่าแรง
3.2 ทีม Office engineer และ Draftman รับผิดชอบ งานสำนักงานและแบบก่อสร้าง
3.3 ทีมหน้างาน ได้แก่ PE SM SE FM SV HM รับผิดชอบ ความก้าวหน้าของงาน
3.4 แผนกความปลอดภัยในการทำงาน
3.5 แผนกป้องกันความเสียหายทั้งบุคลากรและทรัพย์สิน
อื่น ๆ
ความรักความผูกพัน
19/9/53
บทสรุป ผู้จัดการโครงการก่อสร้าง ที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างต้องการ
5.1 บทนำ
จากวัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ คือ เพื่อศึกษาคุณสมบัติด้านการบริหารงานของผู้จัดการโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่อุตสาหกรรมก่อสร้างต้องการทาง ด้านทักษะด้วนความคิดรวบยอดทักษะ ด้านมนุษยสัมพันธ์ และทักษะด้านเทคนิค/การออกแบบ และเพื่อศึกษาปัจจัยที่อุตสาหกรรมก่อสร้างไทยใช้เป็นเกณฑ์และ คุณวุฒิการศึกษาและวิชาชีพ ในการคัดเลือกผู้จัดการโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่อย่างมีเหตุผล โดยการวิจัยครั้งนี้ได้ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลจากภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในเขตกรุงเทพมหานครและปริมลฑลเท่านั้น เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ผลทางสถิติแล้วนำผลที่ได้เสนอต่อสังคม
5.2 สรุปผล
1. ปัจจัยที่อุตสาหกรรมก่อสร้างไทยใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้จัดการโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เข้าปฏิบัติงานปัจจัยห้าอันดับแรกที่อุตสาหกรรมก่อสร้างธุรกิจรับเหมาก่อสร้างให้ความสำคัญ ได้แก่ ลำดับที่ 1 คือ ประสบการณ์ในการทำงาน (เปอร์เซ็นไทล์ที่ 70.50) ลำดับที่ 2 คือ ความสามารถพิเศษที่ตรงกับความต้องการของบริษัท (เปอร์เซ็นไทล์ที่ 64.50) ลำดับที่ 3 คือ การพูดจาสื่อสาร-การตอบคำถาม (เปอร์เซ็นไทล์ที่ 63.90) ลำดับที่ 4 คือ ใบประกอบวิชาชีพ (เปอร์เซ็นไทล์ที่ 63.00) ลำดับที่ 5 คือ การมีความรู้รอบตัว (เปอร์เซ็นไทล์ที่ 62.40)
2. ความต้องการในด้านคุณวุฒิการศึกษาและคุณวุฒิในวิชาชีพของผู้จัดการโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่
ห้าอันดับแรกที่อุตสาหกรรมก่อสร้างธุรกิจรับเหมาก่อสร้างให้ความสำคัญ ได้แก่ ลำดับที่ 1 คือ จบปริญญาตรีวิศวกรรมโยธา (เปอร์เซ็นไทล์ที่ 65.40) ลำดับที่ 2 คือ มีใบอนุญาตระดับสามัญสาขาวิศวกรรมโยธา (เปอร์เซ็นไทล์ที่ 59.40) ลำดับที่ 3 คือ มีใบอนุญาตระดับภาคีสาขาวิศวกรรมโยธา (เปอร์เซ็นไทล์ที่ 55.80) ลำดับที่ 4 คือ มีใบอนุญาตระดับวุฒิสาขาวิศวกรรมโยธา (เปอร์เซ็นไทล์ที่ 49.50) ลำดับที่ 5 คือ จบปริญญาโทบริหารการก่อสร้าง (เปอร์เซ็นไทล์ที่ 47.10)
C = คุณลักษณะผู้จัดการโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ทักษะด้านความคิดรวบยอด
H = คุณลักษณะผู้จัดการโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์
T = คุณลักษณะผู้จัดการโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ทักษะด้านเทคนิค/การออกแบบ
4.การให้ความสำคัญขององค์กรและระดับที่มีอยู่ในองค์กรทักษะด้านทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ ทักษะด้านความคิดรวบยอด และด้านเทคนิค/การออกแบบ แสดงดังตารางที่ 5.1 – 5.3
ตารางที่ 5.1 แสดงการให้ความสำคัญขององค์กรและระดับที่มีอยู่ในองค์กรธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
ทักษะด้านความคิดรวบยอด
5.3 ข้อเสนอแนะ
5.3.1 เนื่องจากในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้ความต้องการในทักษะที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในงานก่อสร้างเกิดเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นควรมีการทำงานวิจัยในลักษณะเดียวกันนี้หลังจาก 4-5 ปี ต่อจากนี้
5.3.2 ควรมีการทำวิจัยในลักษณะที่มุ่งเน้นหาสาเหตุที่ทำให้ผู้จัดการโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในอุตสหกรรมก่อสร้างมีความสามารถที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและหาวิธีการแก้ไขปัญหา
5.3.3 ภาคการศึกษาสามารถนำผลวิจัยนี้ไปใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกหรือวิธีการสอนเพื่อให้ผลผลิตของภาคการศึกษาตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้มากที่สุด
12/9/53
อันดับ40เศรษฐีไทย ปี 2553
"ฟอร์บส์" จัดอันดับ 40 เศรษฐีไทย "เจ้าสัวธนินท์" รั้งอันดับ 1 ในปี 2010 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 2.17 แสนล้านบาท ทิ้ง "เฉลียว" เจ้าพ่อกระทิงแดง ให้อยู่อันดับที่ 2
วันที่ 2 ก.ย.2553 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า "ฟอร์บส์"นิตยสารด้านการเงินและการจัดอันดับชื่อดัง จัดอันดับบุคคลที่รวยที่สุดของไทย 40 อันดับ ประกอบด้วย
1.นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ กว่า 217,000 ล้านบาท
2.นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง หรือ เรดบูล มูลค่ารวมทรัพย์สิน 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 130,000 ล้านบาท
3.นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เจ้าของธุรกิจวิสกี้และเบียร์ (เหล้าแม่โขง , เบียร์ช้างฯลฯ ) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 4,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
4.ครอบครัว "จิราธิวัฒน์" เจ้าของกิจการหลายอย่าง ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก เครือข่าย เซ็นทรัล กรุ๊ป มูลค่ารวมทรัพย์สิน 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
5.นายกฤตย์ รัตนรักษ์ ประธาน และซีอีโอ ของ บริษัท บางกอก บรอดคาสติ้ง แอนด์ ทีวี (บีบีทีวี)ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์สีช่อง 7 โดยมีทรัพย์สินรวมถึงหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา และปูนซิเมนต์นครหลวง มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
6.นายอาลก โลเฮีย ผู้บริหารบริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) และอาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี มูลค่า รวมทรัพย์สิน 1,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
7.นายจำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ (เบียร์สิงห์ ,ลีโอเบียร์) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
8.นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ เจ้าของกิจการพฤกษาเรียลเอสเตท บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ อันดับ 2 ของประเทศ มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
9.นายวิชัย มาลีนนท์ เจ้าของกิจการ บีอีซีเวิลด์ และไทยทีวีสี ช่อง 3 มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
10.นายอิสระ วงศ์กุศลกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทมิตรผล (น้ำตาลมิตรผล) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
11.คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล ภรรยา นายกำพล วัชรพล เจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หนังสือพิมพ์หัวสีใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ร่วมมูลค่าทรัพย์สิน 1,050 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
12.นายวาณิช ไชยวรรณ และครอบครัว เจ้าของกิจการไทยประกันชีวิต
13.นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS)
14.นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเครือบริษัท ไทยซัมมิต ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ถือหุ้นส่วนหนึ่งอยู่ใน เนชั่น มัลติมีเดีย
15.นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ กรรมการผู้จัดการบีบีทีวี (ช่อง7)
16.นายประยุทธ มหากิจศิริ เจ้าของกิจการเหล็กกล้า ไทยน็อกซ์ สแตนเลส และเนสกาแฟ
17.นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้งบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์
18.นายไกรสร ชาญสิริ ประธานและผู้ก่อตั้ง ไทย ยูเนียน ฟรอซเซน กิจการทูน่ากระป๋อง ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก
19.วิลเลียม อี. ไฮเนคกี้ และครอบครัว เจ้าของกิจการ ไมเนอร์ คอร์ป., ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำธุรกิจ อาทิ เอสปรี และธุรกิจภัตตาคาร ,สปา ,โรงแรม มากกว่า 800 แห่งในหลายประเทศ
20.นายสรรเสริญ จุฬางกูร ผู้ก่อตั้งบริษัท สามมิตรมอเตอร์ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เครือญาตินางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ
21.นายบุญชัย เบญจรงคกุล และครอบครัวผู้ก่อตั้ง บริษัทโทรคมนาคม ดีแทค
22.คุณหญิงประภา และนายวิทย์ วิริยะประไพกิจ ผู้บริหาร สหวิริยา สตีล อินดัสตรี้
23.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทรัพย์สิน 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
24.น.ส.นิชิต้า ชาห์ สาวโสด เจ้าของกิจการพรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่สืบทอดจากบิดา
25.นายวรวิทย์ วีรบวรพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด(มหาชน)
26.นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน)
27.น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ก่อตั้งสายการบิน บางกอก แอร์เวย์ส
28.นางนิจพร จารนะจิตต์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในอิตาเลียน-ไทย พี่สาวของ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานโรงแรมโอเรียนเต็ล และมีหุ้นส่วนตัวอยู่ในเครือโรงแรมอมารี
29.นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารสูงสุดของ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง อิตาเลียน-ไทย
30.นายนิธิ โอสถานุเคราะห์ ได้รับตกทอดหุ้น บริษัท โอสถสภามา 25% มีเงินลงทุนอยู่ใน ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
31.นายรุ่งโรจน์ แสงศาสตรา ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด (มหาชน)
32.นายเฉลิม อยู่วิทยา (ลูกชาย นายเฉลียว อยู่วิทยา) เป็นผู้บริหาร บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด
33.นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
34.นายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ เจ้าของธุรกิจเสื้อผ้า โดยเฉพาะ ชุดชั้นใน ซาบีน่า
35.นายวิชัย รักศรีอักษร ผู้ก่อตั้งบริษัท คิง เพาเวอร์ ดำเนินกิจการร้านค้าปลอดภาษี
36.นางพรดี ลี้อิสระนุกูล สืบทอดกิจการในเครือกลุ่มบริษัทสิทธิผล จาก นายวิทยา ผู้เป็นสามี มีหุ้นอยู่ในสิทธิผลมอเตอร์,ไทย สแตนเลย์ อีเลคทริค และบริษัทร่วมทุน อินูเอะ รับเบอร์
37.นายวิชา พูลวรลักษณ์ เจ้าของกิจการ เมเจอร์ ซีนีเพลกซ์ เครือข่ายธุรกิจโรงภาพยนตร์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
38.นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ เจ้าของกิจการบริษัทก่อสร้าง ช.การช่าง
39.นายเพชร โอสถานุเคราะห์ (นักร้อง และนักดนตรี เจ้าของผลงานเพลง "เพียงชายคนนี้..ไม่ใช่ผู้วิเศษ" ที่โด่งดังเมื่อปี พ.ศ. 2530) และนายรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ซึ่งทั้งสองเข้ารับช่วงการบริหารบริษัทในเครือโอสถสภา และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
40. น.พ.พงษ์ศักดิ์ วิทยากร ผู้ก่อตั้ง โรงพยาบาลกรุงเทพ
ความรักความผูกพัน
10/9/53
1/9/53
กฎเหล็กของแมนเดลลา
2. บัญชาการแถวหน้า แต่ไม่ทิ้งกองหนุน คือการต้องสร้างแนวร่วมและใช้เป็นพลังในการต่อรอง
3. บัญชาการแถวหลัง ให้เครดิตลูกน้อง คือคนที่เป็นผู้นำไม่ใช่ว่าจะเป็นผู้สั่งการให้คนนั้นคนนี้ทำตาม แต่ควรฟังความคิดเห็นจากทุกคน ก่อนจะแสดงความคิดเห็นหรือสั่งการ
4.รู้จักศัตรู รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เป็นความพยายามของแมนเดลล่าที่เรียนภาษาราชการ จนนำมาใช้เจรจากับศัตรูได้
5. อย่าปล่อยให้คู่ต่อสู้ห่างตัว แขกที่มาบ้านของแมนเดลลา นอกจากมิตรแล้วยังมีศัตรูเข้ามาด้วย มาพูดคุยและแมนเดลล่าได้สวมกอด ไม่ปล่อให้อยู่คนเดียว เป็นการหลอกล่อให้ศัตรูอยู่ในอาณัติ
6. ยิ้มเข้าใว้แล้วดีเอง แม้จะสูงวัยแต่แมนเดลล่ายังมีเสน่ห์ เพราะไปใหนก็ยิ้มตลอด เพื่อสร้างความประทับใจแรกพบ
7. ถ้าไอเดียไม่เวิร์ก ก็ล้มเลิกซะ คือ ต้องกล้ายอมรับความจริง คนเป็นผู้นำต้องยอมรับความจริงหากสิ่งที่คิดมันเป็นเรื่องห่วย
8. โลกนี้ไม่ได้มีแต่ขาวกับดำ คือ การมองว่าสรรพสิ่งในโลกนี้ไม่ใช่ว่ามีอะไรดีร้อยเป็อเซ็นต์ หรือชั่วช้าจนยากจะให้อภัย
ต้องขอขอบคุณหนังสือพิมพ์เดลินิว ฉบับวันพุธที่ 1 กันยายน 2553 ครับกับสิ่งดีๆที่มอบให้
7/8/53
Highly Essential Qualities to Become a Good Project Manager
Project managers must be good communicators. They need to communicate regularly with the project team, as well as with any subcontractor, he customer and their own company’s upper management. Effective and frequent communication is critical for keeping the project moving, identifying potential problems, soliciting suggestions to improve project performance, keeping customer satisfaction and avoiding surprises.
A high level communication is especially important early in the project to build a good working relationship with the project team and to establish clear expectations with the customer. The project manager needs to establish clear expectations of the members of the project team so that everyone knows the importance their roles in the project objective. The project manager can do so by involving the team in developing the project team in developing a plan that shows which people are assigned to which tasks and how those tasks fit together.
Effective project managers communicate and share information in variety of ways. They have meetings and informal conversations with project team, the customer, and with the company’s upper management. They also provide written reports to the customer and the upper management.
All these tasks require that the project manager have good oral communication. Therefore, good project managers spend more time in listening than talking. Every project manager should get out of her or his office on a regular basis and drop in on individual team members, to follow up on a comment or idea that the person expressed at a team meeting but that was not pursued at the meeting.
Essential qualities of project manager:
1. Strong leadership ability
2. Ability to develop people
3. Excellent communication skills
4. Good interpersonal skills
5. Problem solving skills
6. Time management skills
The project manager establishes ongoing communication with the customer to keep the customer informed and to determine whether there are any changes in expectations. The project manager needs to keep abreast of the degree of customer satisfaction throughout the project by regularly talking with the customer. Communication by project manager needs to be timely, honest and unambiguous.
Effective communication establishes credibility and builds trust. It’s important for the project manager to provide timely feedback to the team and customer. Both the good as well as bad news should be shared promptly. For the project team to be effective, members need to have up-to-date information, especially customer feedback that may necessitate the changes to the project work scope, budget or schedule. The project manager should create an atmosphere that fosters timely and open communication without any fear of reprisal.
Responsibilities of Project manager:
Planning: Project manager clearly defines the project objective and then reaches an agreement with the customer on this objective then the project manager communicates with the project team in such a manner to create a vision of what will constitute successful accomplishment of the project objective.
Organizing: Organizing involves securing the appropriate resources to perform work. First project manager should decide which task should be done in the house and which the consultants should do. Finally, the task of organizing involves creating an environment in which the individuals are highly motivated.
Controlling: To control the project, the project manager implements a project management information system designed to rack the actual process and compare with the planned progress. Project team members monitor the progress of their assigned task and regularly provide data on progress, schedule and cost. It’s important that problems, even potential problems are identified easily and actions are taken.
3/8/53
อันดับ40เศรษฐีไทย
อันดับ 2 นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เจ้าของธุรกิจวิสกี้และเบียร์ (เหล้าแม่โขง , เบียร์ช้าง ฯลฯ ) ที่เพิ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เมื่อปี 2549 ทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมพลาซ่า แอทธินี่ และไอเอ็มเอ็ม อีกด้วย มูลค่าทรัพย์สินรวม 3,900 ล้านดอลลาร์
อันดับ 3 ตระกูล “จิราธิวัฒน์” มีกิจการหลายอย่างตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก (ห้างเซ็นทรัล) ?,อสังหาริมทรัพย์ ,โรงแรม เป็นต้น มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 2,800 ล้านดอลลาร์
อันดับ 4 นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กิจการเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี.) อายุ 69 ปี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ์ 2,000 ล้านดอลลาร์
อันดับ 5 นายกฤตย์ รัตนรักษ์ ประธานและซีอีโอของบริษัท บางกอก บรอดคาสติ้ง แอนด์ ทีวี (บีบีทีวี) และครอบครัว ทรัพย์สินรวมถึงหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา และปูนซิเมนต์นครหลวง มูลค่าทรัพย์สินรวม 1,000 ล้านดอลลาร์
?
อันดับ 6 คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล และครอบครัว เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มูลค่าทรัพย์สินรวม 940 ล้านดอลลาร์
อับดับ 7 นายวิชัย มาลีนนท์ และครอบครัว เจ้าของกิจการ บีอีซีเวิร์ลด์ และไทยทีวีสีช่อง 3 มูลค่าทรัพย์สินรวม 880 ล้านดอลลาร์
อันดับ 8 นายจำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ (เบียร์สิงห์) และครอบครัว มูลค่าทรัพย์สินรวม 820 ล้านดอลลาร์
อันดับ 9 นายสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเครือบริษัท ไทยซัมมิต ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ถือหุ้นส่วนหนึ่งอยู่ในเนชั่น มัลติมีเดียมูลค่าทรัพย์สินรวม 580 ล้านดอลลาร์
อันดับ 10 นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้งบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 525 ล้านดอลลาร์
อันดับ 11 นายสรรเสริญ จุฬางกูร ผู้ก่อตั้งบริษัท สามมิตมอเตอร์ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 520 ล้านดอลลาร์
อันดับ 12 นายประยุทธ มหากิจศิริ และครอบครัว เจ้าของกิจการเหล็กกล้า ไทยน็อกซ์ สแตนเลส มูลค่าทรัพย์สินรวม 515 ล้านดอลลาร์
อันดับ 13 นายบุญชัย เบญจรงคกุล และครอบครัว ผู้ก่อตั้งบริษัทโทรคมนาคม ดีแทค มูลค่าทรัพย์สินรวม 475 ล้านดอลลาร์
อันดับ 14 นายอิสระ วงศ์กุศลกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทมิตรผลและครอบครัว มูลค่าทรัพย์สินรวม 470 ล้านดอลลาร์
อันดับ 15 วิลเลียม อี. ไฮเนคกี้ และครอบครัว เจ้าของกิจการ ไมเนอร์ คอร์ป., ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำธุรกิจ อาทิ เอสปรี และธุรกิจภัตตาคาร ,สปา ,โรงแรม มากกว่า 800 แห่งในหลายประเทศ
อันดับ 16 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทรัพย์สินรวม 400 ล้านดอลลาร์? ทั้งนี้ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย? แม้ว่าจะถูกอายัดทรัพย์ และหมดยุคเรืองอำนาจเพราะถูกกระทำรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 แต่ตัวเลขทางการเงินของพ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3,300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน
อันดับ 17 นายวาณิช ไชยวรรณ และครอบครัว เจ้าของกิจการไทยประกันชีวิต มูลค่าทรัพย์สินรวม 390 ล้านดอลลาร์
อันดับ 18 นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของกิจการพฤกษาเรียลเอสเตท มูลค่าทรัพย์สินรวม 380 ล้านดอลลาร์
อันดับ 19 น.ส.นิชิต้า ชาห์ อายุน้อยที่สุดคือ 28 ปี สาวโสด เพียงรายเดียวจากทั้งหมด สืบทอดกิจการ พรีเชียส ชิปปิ้งจากบิดา ก่อนขยายออกไปสู่วงการแฟชั่นและเสื้อผ้าสำเร็จรูป มูลค่าทรัพย์สินรวม 375 ล้านดอลลาร์
อันดับ 20 นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ กรรมการผู้จัดการบีบีทีวี (ช่อง7) มูลค่าทรัพย์สินรวม 335 ล้านดอลลาร์
อันดับ 21 นางนันทา ชินธรรมมิตร เจ้าของกิจการน้ำตาลขอนแก่น มูลค่าทรัพย์สินรวม 330 ล้านดอลลาร์
อันดับ 22 นายประเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของกิจการบางกอกแอร์เวยส์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 245 ล้านดอลลาร์
อันดับ 23 คุณหญิงประภา และนายวิทย์ วิริยะประไพกิจ ผู้บริหาร สหวิริยา สตีล อินดัสตรี้ มูลค่าทรัพย์สินรวม 210 ล้านดอลลาร์
อันดับ 24 นายนิธิ โอสถานุเคราะห์ ได้รับตกทอดหุ้นบริษัท โอสถสภามา 25% มีเงินลงทุนอยู่ในไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และทำงานอยู่กับเมอร์ริลล์ ลินช์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 200 ล้านดอลลาร์
อันดับ 25 นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง อิตาเลียน-ไทย มูลค่าทรัพย์สินรวม 195 ล้านดอลลาร์
อันดับ 26 นายวิชัย รักศรีอักษร ผู้ก่อตั้งบริษัท คิงพาวเวอร์ ดำเนินกิจการร้านค้าปลอดภาษี มูลค่าทรัพย์สินรวม 190 ล้านดอลลาร์
อันดับ 27 นายเฉลิม อยู่วิทยา เจ้าของกิจการสยาม ไวเนอรี่ ประธานบริษัทเรดบุล อังกฤษ และมีหุ้นอยู่ในบริษัท กระทิงแดง 2% มูลค่าทรัพย์สินรวม 185 ล้านดอลลาร์ อันดับ
อันดับ 28 นายเกษม ณรงค์เดช และครอบครัว ประธานกลุ่มบริษัท เคพีเอ็น ที่มีบริษัทอยู่ในเครือมากกว่า 24 บริษัท มูลค่าทรัพย์สินรวม 180 ล้านดอลลาร์
อันดับ 29 นายเอนก สิทธิประศาสน์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในกิจการบิ๊กซี ซุปเปอร์มาร์เก็ต รองประธาน เซ็นทรัลพัฒนา กิจการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ “จิราธิวัฒน์” มูลค่าทรัพย์สินรวม 177 ล้านดอลลาร์
อันดับ 30 นายเพชร และรัตน์ โอสถานุเคราะห์ มีหุ้นอยู่ในโอสถสภาคนละ 20 เปอร์เซ็นต์ รายหลังดำรงตำแหน่ง ซีอีโอของบริษัทอีกด้วย มูลค่าทรัพย์สินรวม 175 ล้านดอลลาร์,
อันดับ 31 พรดี ลี้อิสระนุกูล สืบทอดกิจการในเครือกลุ่มบริษัทสิทธิผลจาก วิทยาผู้เป็นสามี มีหุ้นอยู่ในสิทธิผลมอเตอร์,ไทย สแตนเลย์ อีเลคทริค และบริษัทร่วมทุน อินูเอะ รับเบอร์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 170 ล้านดอลลาร์,
อันดับ 32 วิชา พูลวรลักษณ์ เจ้าของกิจการ เมเจอร์ ซีนีเพลกซ์ เครือข่ายธุรกิจโรงภาพยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มูลค่าทรัพย์สินรวม 165 ล้านดอลลาร์
อันดับ 33 นิจพร สรณจิต ผู้ถิอหุ้นใหญ่ในอิตาเลียน-ไทย พี่สาวของเปรมชัย กรรณสูต เป็นประธานโรงแรมโอเรียนเต็ล และมีหุ้นส่วนตัวอยู่ในเครือโรงแรมอมารี มูลค่าทรัพย์สินรวม 160ล้านดอลลาร์
อันดับ 34 วิกรม กรมดิษฐ์ เจ้าของกิจการนิคมอุตสาหกรรม อมตนคร มูลค่าทรัพย์สินรวม 145 ล้านดอลลาร์
อันดับ 35 พรเทพ พรประภา และครอบครัว เจ้าของกิจการสยามกลการ มีหุ้นอยู่ใน เอพีฮอนด้า และเอสพี ซูซูกิ มูลค่าทรัพย์สินรวม 140 ล้านดอลลาร์
อันดับ 36 ไกรสร ชาญสิริ ประธานและผู้ก่อตั้ง ไทย ยูเนียน ฟรอซเซน กิจการทูน่ากระป๋องที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มูลค่าทรัพย์สินรวม 115 ล้านดอลลาร์
อันดับ 37 ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกลุ่มจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ มูลค่าทรัพย์สินรวม 110 ล้านดอลลาร์
อันดับ 38 ปลิว ตรีวิศวเวทย์ เจ้าของกิจการบริษัทก่อสร้าง ช.การช่าง มูลค่าทรัพย์สินรวม 100 ล้านดอลลาร์
อันดับ 39 สุเมธ ตันธุวณิช ผู้ก่อตั้ง รีเจอนัล คอนเทนเนอร์ ไลน์ กิจการเดินเรือ มูลค่าทรัพย์สินรวม 85 ล้านดอลลาร์
อันดับ 40 มาลิณี กิตะพาณิช และครอบครัว สืบทอดสมบูรณ์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี บริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากผู้เป็นสามี มูลค่าทรัพย์สินรวม 65 ล้านดอลลาร์
ที่มา : rssthai.com
31/7/53
การคิดค่าบริการออกแบบสถาปัตยกรรม และวิศวกรรม
ตามมาตรฐานของสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ แบ่งประเภทการบริการ ออกแบบสถาปัตยกรรม ไว้เป็น 6 ประเภท แต่ละประเภทจะมีค่าบริการไม่เท่ากัน และจะลดลงเรื่อย ๆ ตามงบประมาณ ที่ก่อสร้าง โดยแยกออกโดยสังเขปดังนี้ :
ประเภทที่ 1 = ตกแต่งภายใน, ครุภัณฑ์, ผลิตภัณฑ์
ประเภทที่ 2 = พิพิธภัณฑ์ วัด อนุสาวรีย์ อาคารอนุสรณ์ที่วิจิตร
ประเภทที่ 3 = บ้านพักอาศัย (ไม่รวมตกแต่งภายใน)
ประเภทที่ 4 = โรงพยาบาล รัฐสภา โรงแรม ธนาคาร คอนโดมิเนียม วิทยาลัย
ประเภทที่ 5 = สำนักงาน สรรพสินค้า หอพัก โรงเรียน โรงอุตสาหกรรม
ประเภทที่ 6 = โกดัง อาคารจอดรถ ห้องแถว ตลาด
โดยแต่ละประเภทแยกค่าบริการตามงบประมาณได้ดังต่อไปนี้ (เป็นร้อยละ)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhkPrwIDxbE5glhcJSkObQ1nS5F4BnCnUn1MED1CW3GtDATDJ0XO-aztvUFGxjfP1lvXffh3eodDK3u60OfT5CdiDY_9iG2U-7stzMWBJcee7lkanLUFAUJNnZ7Bk1XtfkILI9fccP-hng/s320/1-8-2553+0-55-52.jpg)
การใช้บริการบริษัทสถาปนิก โดยทั่วไปจะคิดค่าบริการออกแบบ โดยยึดหลักตามมาตรฐานของสมาคม สถาปนิกสยาม ดังกล่าวข้างต้น ในการคิดค่าบริการ ออกแบบ ซึ่งท่านจะได้รับการบริการวิชาชีพอย่างครบถ้วน และได้งานที่มีคุณภาพสูง ** ปกติใช้เวลาตั้งแต่ออกแบบ เขียนแบบพิมพ์เขียวทั้งชุดประมาณ 3-4 เดือน
เช่น บ้านพักอาศัย มีงบประมาณค่าก่อสร้าง 2,000,000 บาท คิดค่าแบบโดยประมาณตามประเภทที่ 3 ดังนี้ :
2 ล้านบาท คิด 7.50 % = 150,000 บาท
รวมค่าบริการทั้งหมดประมาณ = 150,000 บาท ( = 7.50 % )
การใช้บริการจากสถาปนิกอิสระ โดยทั่วไปจะคิดค่าบริการใกล้เคียงตามมาตรฐานของสมาคม สถาปนิกสยาม แต่อาจจะไม่ถึงตามอัตราที่ตั้งไว้ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ หรือตามปริมาณงานที่ให้บริการ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 5 - 7.5 เปอร์เซ็นต์ ** ปกติใช้เวลาตั้งแต่ออกแบบ เขียนแบบพิมพ์เขียวทั้งชุดประมาณ 3-4 เดือน
เช่น บ้านพักอาศัย มีงบประมาณค่าก่อสร้าง 2,000,000 บาท ถ้าคิดค่าแบบประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ดังนี้ :
2 ล้านบาท คิด 5.00 % = 100,000 บาท
รวมค่าบริการทั้งหมดประมาณ = 100,000 บาท ( = 4.00 % )
การใช้บริการจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาตามสำนักงานเขต โดยปกติทั่วไปจะคิดค่าบริการ แบบเหมาจ่าย หรืออาจเทียบเปอร์เซ็นต์ใกล้เคียงตามมาตรฐานของสมาคมสถาปนิกสยาม แต่อาจจะไม่ถึงตามอัตราที่ตั้งไว้ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 3 - 5 เปอร์เซ็นต การให้บริการอาจไม่ครบถ้วน หรือแบบพิมพ์เขียวที่ได้ อาจมีรายละเอียดค่อนข้างน้อย หรือผู้ออกแบบกับผู้เซ็นแบบ อาจไม่ใช่คนเดียวกัน เพราะผู้ออกแบบ อาจจะไม่ใช่สถาปนิกโดยตรง และมักเป็นงานที่เน้นความเร็ว ** ปกติใช้เวลาตั้งแต่ออกแบบ เขียนแบบพิมพ์เขียวทั้งชุดประมาณ 2-3 เดือน
เช่น บ้านพักอาศัย มีงบประมาณค่าก่อสร้าง 2,000,000 บาท ถ้าคิดค่าแบบประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ ดังนี้ :
2 ล้านบาท คิด 3.00 % = 60,000 บาท
รวมค่าบริการทั้งหมดประมาณ = 60,000 บาท ( = 3.00 % )
เอกสารยื่นขออนุญาต
รายการเอกสารที่ต้องยื่นขออนุญาตปลูกสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคารตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2535 มีดังนี้
(1) หนังสือขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร (แบบ อ. 1) หรือหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคาร โดยไม่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามมาตรา 39 ทำแล้วแต่กรณี
(2) โฉนดที่ดิน น.ส. 3 ก หรือ ส.ค. 1 พร้อมสำเนา
(3) หนังสือยินยอมจากเจ้าของที่ดิน หรือสัญญาเช่า (กรณีที่มิได้ปลูกสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนบนที่ดินตนเอง)
(4) ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
(5) บัตรประจำตัวประชาชน
(6) หนังสือมอบอำนาจให้ดำเนินการแทน (กรณีมิได้ดำเนินการด้วยตนเอง)
(7) หลักฐานแสดงว่าเป็นนิติบุคคล
(8) แผนผังบริเวณ และแบบแปลน จำนวน 5 ชุด
(9) รายการคำนวณ จำนวน 5 ชุด
(10) สำเนาใบอนุญาตฯ ของสถาปนิก และวิศวกรผู้ออกแบบที่ลงนามรับรอง
ผู้ยื่นจะต้องชำระค่าธรรมเนียมตามกฎหมายกำหนด
อนึ่ง พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 วิเคราะห์ศัพท์ ทีเกี่ยวแก่เอกสารที่ต้องยื่นขออนุญาตไว้ในมาตรา 4 ดังนี้
"แผนผังบริเวณ" หมายความว่า แผนที่แสดงลักษณะ ที่ตั้ง และ ขอบเขตของที่ดิน และอาคารที่ก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน เคลื่อนย้าย ใช้ หรือเปลี่ยนการใช้ รวมทั้งแสดงลักษณะและขอบเขตของที่สาธารณะ และ อาคารในบริเวณที่ดินที่ติดต่อโดยสังเขปด้วย
"แบบแปลน" หมายความว่า แบบเพื่อประโยชน์ในการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน เคลื่อนย้าย ใช้ หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร โดยมีรูปแสดงรายละเอียดส่วนสำคัญ ขนาดเครื่องหมายวัสดุ และการใช้สอยต่าง ๆ ของอาคาร อย่างชัดเจนพอที่จะใช้ในการดำเนินการได้
"รายการประกอบแบบแปลน" หมายความว่า ข้อความชี้แจง รายละเอียดเกี่ยวกับคุณภาพและชนิดของวัสดุ ตลอดจนวิธีปฏิบัติหรือวิธีการ สำหรับการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน เคลื่อนย้าย ใช้หรือเปลี่ยนการใช้ อาคาร เพื่อให้เป็นไปตามแบบแปลน
"รายการคำนวณ" หมายความว่า รายการแสดงวิธีการคำนวณ กำลังของวัสดุ การรับน้ำหนัก และกำลังต้านทานของส่วนต่าง ๆ ของอาคาร
ความผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์
ขณะก่อสร้าง ซ่อมแซม ดัดแปลง ต่อเติม รื้อถอน หรือใช้งานอาคาร เจ้าของอาคาร ผู้ก่อสร้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง) หรือวิศวกร อาจมีความผิดในทางอาญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังตัวอย่างตามมาตราต่อไปนี้
มาตรา 1335 ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น ท่านว่าแดนแห่งกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นกินทั้งเหนือพื้นดิน และใต้พื้นดินด้วย
มาตรา 1336 ภายในบังคับแห่งกฎหมาย เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอยและจำหน่ายทรัพย์สินของตนและได้ซ ึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น กับทั้งมีสิทธิติดตามและเอาคืน ซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ และมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้อง กับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา 1337 บุคคลใดใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับ
ความเสียหาย หรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติ และเหตุอันควรในเมื่อเอาสภาพและตำแหน่งที่อยู่แห่งทรัพย์สินนั้ นมาคำนึงประกอบไซร้ ท่านว่าเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีสิทธิจะปฏิบัติการเพื่อยังความ เสียหายหรือเดือดร้อน นั้นให้สิ้นไป ทั้งนี้ไม่ลบล้างสิทธิที่จะเรียกเอาค่าทดแทน
มาตรา 1338 ข้อจำกัดสิทธิแห่งเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้นั้ นท่านว่าไม่จำต้องจดทะเบียนข้อจำกัดเช่นนี้ ท่านว่าจะถอนหรือแก้ให้หย่อนลงโดยนิติกรรมไม่ได้ นอกจาก จะได้ทำนิติกรรมเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อจำกัดซึ่งกำหนดไว้เพื่อสาธารณประโยชน์นั้น ท่านว่าจะถอนหรือแก้ให้หย่อนลงมิได้เลย
มาตรา 1339 เจ้าของที่ดินจำต้องรับน้ำซึ่งไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงมาในที่
ดินนของตน น้ำไหลตามธรรมดามายังที่ดินต่ำ และจำเป็นแก่ที่ดินนั้นไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดิน ซึ่งอยู่สูงกว่าจะกันเอาไว้ได้เพียงที่จำเป็นแก่ที่ดินของตน
มาตรา 1340 เจ้าของที่ดินจำต้องรับน้ำซึ่งไหลเพราะระบายจากที่ดินสูงมาในที ่ดินของตน ถ้าก่อนที่ระบายนั้นน้ำได้ไหลเข้ามาในที่ดินของตนตามธรรมดาอยู่ แล้ว
ถ้าได้รับความเสียหายเพราะการระบายน้ำ ท่านว่าเจ้าของที่ดินต่ำอาจเรียกร้อง ให้เจ้าของที่ดินสูงทำทางระบายน้ำและออกค่าใช้จ่ายในการนั้น เพื่อระบายน้ำไปให้ตลอดที่ดินต่ำจนถึงทางน้ำ หรือท่อน้ำสาธารณะ ทั้งนี้ไม่ลบล้างสิทธิแห่งเจ้าของที่ดินต่ำ ในอันจะเรียกเอาค่าทดแทน
มาตรา 1341 ท่านมิให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ทำหลังคาหรือการปลูกสร้าง อย่างอื่น ซึ่งทำให้น้ำฝนตกลงยังทรัพย์สินซึ่งอยู่ติดต่อกัน
มาตรา 1342 บ่อ สระ หลุมรับน้ำโสโครก หรือหลุมรับปุ๋ย หรือขยะมูลฝอยนั้น
ท่านว่าจะขุดในระยะสองเมตรจากแนวเขตที่ดินไม่ได้ คูหรือการขุดร่องเพื่อวางท่อน้ำใต้ดินหรือสิ่งอื่นซึ่งคล้ายกัน นั้นท่านว่าจะทำใกล้แนวเขตที่ดินกว่าครึ่งหนึ่งแห่งส่วนลึก ของคูหรือร่องนั้นไม่ได้ แต่ถ้าทำห่างแนวเขตหนึ่งเมตร หรือกว่านั้น ท่านว่าทำได้
ถ้ากระทำการดั่งกล่าวไว้ในสองวรรคก่อนใกล้แนวเขตไซร้ ท่านว่าต้องใช้ ความระมัดระวังตามควรเพื่อป้องกันมิให้ดินหรือทรายพังลง หรือมิให้น้ำหรือสิ่งโสโครกซึมเข้าไป
มาตรา 1343 ห้ามมิให้ขุดดินหรือบรรทุกน้ำหนักบนที่ดินเกินควรจนอาจเป็นเหตุ อันตรายแก่ความอยู่มั่นแห่งที่ดินติดต่อ เว้นแต่จะจัดการเพียงพอเพื่อป้องกันความเสียหาย
มาตรา 1344 รั้ว กำแพง รั้วต้นไม้ คู ซึ่งหมายเขตที่ดินนั้น ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของที่ดินทั้งสองข้างเป็นเจ้าขอ งรวมกัน
มาตรา 1345 เมื่อรั้วต้นไม้ หรือคูซึ่งมิได้ใช้เป็นทางระบายน้ำเป็นของเจ้าของที่ดินทั้งสอง ข้างรวมกัน ท่านว่าเจ้าของข้างใดข้างหนึ่งมีสิทธิที่จะตัดรั้วต้นไม้ หรือถมคูนั้นได้ถึงแนวเขตที่ดินของตน แต่ต้องก่อกำแพง หรือทำรั้วตามแนวเขตนั้น
มาตรา 1347 เจ้าของที่ดินอาจตัดรากไม้ซึ่งรุกเข้ามาจากที่ดินติดต่อและเอาไ ว้เสีย ถ้ากิ่งไม้ยื่นล้ำเข้ามา เมื่อเจ้าของที่ดินได้บอกผู้ครอบครองที่ดินติดต่อให้ตัดภายในเว ลาอันสมควรแล้ว แต่ผู้นั้นไม่ตัด ท่านว่าเจ้าของที่ดินตัดเอาเสียได้
มาตรา 1349 ที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธาร ณะได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินแปลงนั้นจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทาง สาธารณะได้
ที่ดินแปลงใดมีทางออกได้แต่เมื่อต้องข้ามสระ บึง หรือทะเล หรือมีที่ชันอันระดับที่ดินติดกับทางสาธารณะสูงกว่ากันมากไซร้ ท่านว่าให้ใช้ความในวรรคต้นบังคับ
ที่และวิธีทำทางผ่านนั้นจะต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู ้มีสิทธิจะผ่าน กับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยสุดที่จะ เป็นได้ ถ้าจำเป็น ผู้มีสิทธิจะผ่าน จะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้
ผู้มีสิทธิจะผ่านต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู ่เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้น ค่าทดแทนนั้นนอกจากค่าเสียหายเพราะสร้างถนน ท่านว่าจะกำหนดเป็นเงินรายปีก็ได้
มาตรา 1351 เจ้าของที่ดิน เมื่อบอกล่วงหน้าตามสมควรแล้ว อาจใช้ที่ดินติดต่อเพียงที่จำเป็นในการปลูกสร้างหรือซ่อมแซมรั้ ว กำแพง หรือโรงเรือน ตรงหรือใกล้แนวเขตของตน แต่จะเข้าไปในเรือนที่อยู่ของเพื่อนบ้านข้างเคียงไม่ได้ เว้นแต่ได้รับความยินยอม ถ้าได้ก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นไซร้ ท่านว่าเพื่อนบ้านข้างเคียงจะเรียกเอาค่าทดแทนก็ได้
มาตรา 1352 ท่านว่าถ้าเจ้าของที่ดินได้รับค่าทดแทนตามสมควรแล้ว ต้องยอมให้ผู้อื่นวางท่อน้ำ ท่อระบายน้ำ สายไฟ หรือสิ่งอื่นซึ่งคล้ายกันผ่านที่ดินของตน เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่ติดต่อ ซึ่งถ้าไม่ยอมให้ผ่านก็ไม่มีทางจะวางได้ หรือถ้าจะวางได้ก็สิ้นเปลืองเงินมากเกินควร แต่เจ้าของที่ดินอาจให้ยกเอาประโยชน์ของตนขึ้นพิจารณาด้วย
เมื่อมีเหตุผลพิเศษ ถ้าจะต้องวางเหนือพื้นดินไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินอาจเรียกให้ซื้อที่ดินของตนบางส่วนตามสมคว รที่จะใช้ในการนั้น โดยราคาคุ้มค่าที่ดินและค่าทดแทนความเสียหาย ซึ่งอาจมีเพราะการขายนั้นด้วย
ถ้าพฤติการณ์เปลี่ยนไป เจ้าของที่ดินอาจเรียกให้ย้ายถอนสิ่งที่วางนั้นไปไว้ ณ ส่วนอื่นแห่งที่ดินของตนตามแต่จะเหมาะแก่ประโยชน์แห่งเจ้าของที ่ดิน
ค่าย้ายถอนนั้น เจ้าของที่ดินติดต่อเป็นผู้เสีย แต่ถ้ามีพฤติการณ์พิเศษไซร้ ท่านว่าจะให้เจ้าของที่ดินอีกฝ่ายหนึ่งช่วยเสียค่าย้ายถอนตามส่ วนอันควรก็ได้
มาตรา 1355 เจ้าของที่ดินริมทางน้ำ หรือมีทางน้ำผ่านไม่มีสิทธิจะชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ ประโยชน์ของตนตามสมควร ให้เป็นเหตุเสื่อมเสียแก่ที่ดินแปลงอื่นซึ่งอยู่ตามทางน้ำนั้น
ความผิด ลหุโทษ
มาตรา 368 ผู้ใคทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายใ ห้ไว้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุ หรือข้อแก้ตัวอันสมควร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบวัน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการสั่งเช่นว่านั้น เป็นคำสั่งให้ช่วยทำกิจการในหน้าที่ของเจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายกำ หนดให้สั่งให้ช่วยได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 375 ผู้ใดทำให้รางระบายน้ำ ร่องน้ำหรือท่อระบายของโสโครก อันเป็นสิ่งสาธารณะเกิดขัดข้อง หรือไม่สะดวก ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
มาตรา 380 ผู้ใดทำให้เกิดปฏิกูลแก่น้ำในบ่อ สระ หรือที่ขังน้ำอันมีไว้สำหรับประชาชนใช้สอย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 385 ผู้ใดโดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมาย กีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัย หริอความสะดวกในการจราจร โดยวาง หรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วยประการอื่นใด ถ้าการกระทำนั้นเป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
มาตรา 386 ผู้ใดขุดหลุม หรือราง หรือปลูก ปัก หรือวางของเกะกะไว้ในทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมาย หรือทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ละเลยไม่แสดงสัญญาณตามสมควร เพื่อป้องกันอุปัทวเหตุ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
มาตรา 387 ผู้ใดแขวน หรือติดตั้ง หรือวางสิ่งใดไว้โดยประการที่น่าจะตก หรือพังลง ซึ่งจะเป็นเหตุอันตราย เปรอะเปื้อน หรือเดือดร้อนแก่ผู้สัญจรในทางสาธารณะ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
มาตรา 389 ผู้ใดกระทำการด้วยประการใด ๆ ให้ของแข็งตกลง ณ ที่ใด ๆ โดยประการที่น่าจะเป็นอันตราย หรือเดือดร้อนรำคาญแก่บุคคล หรือเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ของโสโครกเปรอะเปื้อน หรือน่าจะเปรอะเปื้อน ตัวบุคคล หรือทรัพย์ หรือแกล้งทำให้ของโสโครกเป็นที่เดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 390 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ขณะก่อสร้าง ซ่อมแซม ดัดแปลง ต่อเติม รื้อถอน หรือใช้งานอาคาร เจ้าของอาคาร ผู้ก่อสร้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง) หรือวิศวกร อาจมรความผิดในทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา ดังตัวอย่างตามมาตราต่อไปนี้
มาตรา 226 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ แก่โรงเรือน อู่เรือ ที่จอดรถ หรือเรือสาธารณะ ทุ่นจอดเรือ สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร เครื่องกล สายไฟฟ้า หรือสิ่งที่ทำไว้เพื่อป้องกันอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์ จนน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 227 ผู้ใดเป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซม หรือรื้อถอน อาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีอันพึงกระทำการนั้น ๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 238 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 226 ถึงมาตรา 237 เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ถ้าเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท
มาตรา 239 ถ้าการกระทำดังกล่าวในมาตรา 226 ถึงมาตรา 237 เป็นการกระทำโดยประมาท และใกล้จะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของบุคคลอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 291 ผู้ใดกระทำการโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
มรรยาทแห่งวิชาชีพของวิศวกรฯ
งานอาคาร จะก่อให้เกิดนิติสัมพันธ์ระหว่างหลายฝ่าย โดยเฉพาะสถาปนิกและวิศวกร ที่ปฏิบัติวิชาชีพ กรณีของวิศวกร ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม จะต้องมีมรรยาทในการประกอบวิชาชีพ ขณะเดียวกันผู้ว่าจ้างมิควรโน้มน้าว ร้องขอ บังคับ หรือส่งเสริมให้วิศวกรผู้รับจ้างออกแบบก่อสร้าง หรือควบคุมงานก่อสร้างให้ต้องละเมิดมรรยาทแห่งวิชาชีพ
กระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2529) โดยอาศัยความในพระราชบัญญัติวิชาชีพวิศวกรรม พ.ศ. 2505 ว่าด้วยเรื่องมรรยาทแห่งวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบ คุม ดังนี้
(1) ไม่กระทำการใด ๆ อันอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
(2) ต้องปฏิบัติงานที่ได้รับทำอย่างถูกต้องตามหลักปฏิบัติ และวิชาการ
(3) ต้องประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
(4) ไม่ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบธรรม หรือใช้อิทธิพล หรือให้ผลประโยชน์แก่บุคคลใด เพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นได้รับ หรือไม่ได้รับงาน
(5) ไม่เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อย่างใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบจากผู้รับเหมา หรือบุคคลใดซึ่งเกี่ยวข้องในงานที่ทำอยู่กับผู้ว่าจ้าง
(6) ไม่โฆษณา หรือยอมให้ผู้อื่นโฆษณา ซึ่งการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม เว้นแต่การแสดงชื่อ คุณวุฒิ ที่อยู่ หรือสำนักงานของผู้นั้น
(7) ไม่ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม เกินความสามารถที่ตนเองจะกระทำได้
(8) ไม่ละทิ้งงานที่ได้รับทำโดยไม่มีเหตุอันสมควร
(9) ไม่ลงลายมือชื่อเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในงานที่ตนไ ม่ได้รับทำ ตรวจสอบ หรือควบคุมด้วยตนเอง
(10) ไม่เปิดเผยความลับของงานที่ตนได้รับทำ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าจ้าง
(11) ไม่แย่งงานจากผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมอื่น
(12) ไม่รับทำงาน หรือตรวจสอบงานชิ้นเดียวกันกับที่ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบค ุมอื่นทำอยู่ เว้นแต่เป็นการทำงาน หรือตรวจสอบตามหน้าที่ หรือได้แจ้งให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมอื่นนั้นทราบล่วง หน้าแล้ว
(13) ไม่รับดำเนินงานชิ้นเดียวกันให้แก่ผู้ว่าจ้างรายอื่น เพื่อการแข่งขันราคา เว้นแต่ได้แจ้งให้ผู้ว่าจ้างรายแรกทราบล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อั กษร หรือได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจาผู้ว่าจ้างรายแรก และได้แจ้งให้ผู้ว่าจ้างรายอื่นนั้นทราบล่วงหน้าแล้ว
(14) ไม่ใช้ หรือคัดลอกแบบ รูป แผนผัง หรือเอกสารที่เกี่ยวกับงานของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมอื ่น เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมอื่นนั้น
(15) ไม่กระทำการใด ๆ โดยจงใจให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่ชื่อเสียง หรืองานของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมอื่น
28/7/53
25/7/53
ข้อคิดในเชิงบวก
- เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี้คือบทเรียนที่สร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
- เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
- เวลาเจอนาย จอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)
- เวลาเจอคนตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
- เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังเป็นคนที่มีความหมาย
- เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต
- เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
- เวลาเจอคนที่เรารักไปกับชายอื่น ให้บอกตัวเองว่า นี่คือนี่คือการบริหารเสน่ของผู้หญิงไทย
- เวลาคนรักตัวเองโดนชายอื่นปล้ำ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือชีวิตถ้าไม่ไปก็คงไม่โดนปล้ำ (อย่ามองเรื่องเซ็กเป็นสิ่งสำคัญ ให้กลับมามองคนที่คุณรักและเขารักคุณ)คิดเสียว่าให้หมามันกินนะ
- เวลาเจอคนที่เรารักทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือ ความอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาศพบเจอ ถ้าเขาไม่รักเราแล้ว
- เวลาเจอ ภาวะหลุดออกจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิตตาของชีวิต และสรรพสิ่ง
- เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์ (เกิด แก่ เจ็บและตาย)
18/7/53
เป็นคนดีมันต้องแค่ใหน
แค่ใหนถึงเรียกว่าดีครับ การเป็นคนดีมันต้องแค่ใหน ผมเองก็เพิ่งได้เรียนรู้คำว่า
” ดี “เพียงคำเดียวมีนิยามความหมายที่ลึกซึ้งเหลือเกิน ตั้งแต่ง่ายที่สุด จนถึงยากที่สุด คำว่า ดี, ดีกว่า,และ ดีที่สุด คิดว่าอย่างใหนจะดีกว่ากัน เป็นคำถามที่ง่ายมาก แต่คำตอบยากมากนะครับ
บางคนก็ตอบว่าดี บางคนก็ตอบว่าดีกว่า และบางคนก็ตอบว่าดีที่สุด อือแล้วตัวคุณละต้องการจะเป็นชอบที่จะมีคำว่าดีแค่ใหน ซึ่งแต่ละคนก็มีความเห็นแตกต่างกันไป ไม่มีใครถูกใครผิด
แต่คำเฉลยของคำว่าดีนั้นคือ ” ดี “นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด การทำดีเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าดีหรือ รู้สึกว่าดี เป็นเรื่องที่ยากมาก ยากกว่าการทำให้ดีกว่า หรือดีที่สุด
ในหลักพุทธศาสนานั้น คำว่า ” ดี “ ต้องประกอบด้วย 3 องค์ประกอบคือ คิดดี, พูดดี,และทำดี จึงจะถือว่าดี แต่ ” ดี “ ในสมัยนี้ ไม่ใช่แค่ คิดดี, พูดดี,และทำดี แต่ต้องเกี่ยวโยงกับคนอื่น คุณคิดแบบนี้ใหมละ แต่สำหรับตัวผมๆคิดนะผมเปิดตัวเองในการคิด ต้องให้คนอื่นรู้สึกว่ามันดีและรู้สึกดี
คำว่า ดีนั้น ไม่จำเป็นว่าต้อง ดีกว่า หรือดีที่สุด
การที่จะทำให้คนอื่นเห็นและรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำเราพูดนั้น “ดีเนาะ” ไม่งาย องค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ “ทำดี” เพื่อให้คนทั่วไปรู้สึกว่า ” ดี “ นั้นประกอบด้วย “สติ” บวก “ปัญญา” บวก “หิริ” และ “โอตตัปปะ”จึงจะเรียกได้ว่า ” ดี “
การมี “สติ” ทำได้ด้วยการควบคุมตนเอง มีจิตที่ตื่นอยู่เสมอรู้ตัวในสิ่งที่พูด ที่จะทำ ไม่ว่าเรื่องงาน ความสัมพันธ์กับคนอื่น สติทำให้จิตมี “สมาธิ” ไม่วอกแวก ช่วยให้มองโลกในแง่ดี เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
เมื่อมี “สติ” แล้วก็มี “ปัญญา” เป็นตัวเสริม ปัญญาหรือความรู้จะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งต่างๆได้ดี ทำให้เป็นคนมีเหตุมีผล รู้จักบาป และบุญ กับคุณ และ โทษ จากนั้นเอา “หิริ” และ “โอตตัปปะ” ใส่เข้าไปด้วยทำให้ละอายใจต่อการทำบาป กลัวการทำชั่ว การทุจริต และที่สำคัญ บาปกรรมไม่ต้องรอชาติหน้า ชาตินี้ก็ตามทัน แต่จะเป็นไปในรูปแบบใหน คนทำชั่วทำไม่ดี เตรียมตัวใว้นะครับ
ต้องขอบคุณหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 17/07/53 “ลมเปลื่ยนทิศ” ซึ่งตัวผมเองได้ปรับแก้ใขเพิ่มเติมบางส่วนเข้าไป
17/7/53
การออกแบบโครงสร้างอาคารพานิชย์ 3 ชั้นแห่งหนึ่ง
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgU2_4QVk9oSDnvFh9RXx5tRRzXoiRbgQCdkfvqCO9z_h-gBDG_V_4t-1gttIY5QUrBDEuSOzUsr0oQtbhygKaXY7rqD8HO9GeXm3IOtAxmzKmoYTmU-iUMvOSksWZQT-ON6KPFpnSsuc4/s320/123.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiidVXkCIj0o6JY30B66kVpv4VNBpMKd0PYst8RV_NqaAXkNz-qPJD4WOdv3pP4s0wq91_KD6hgoaVultOGx2gCj2IiVoJPoJP3kRcQIRfTBU99Z8euwGLXzt2QO1m7SjCsFJnFE-W05Qw/s320/1234.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjgTWfeZjFVcaZB4ozVSYDmuJQz3Al4l9ZUajFsTeI5alG3YTTEhngWACAQ1eSAe1wVvf42xWVaquuODhaGa07w-v0lHILgi9dJ2xDidi6mJKcuA0u52Ke-yG6MASkxjds_5fl6KmnG_2A/s320/23455.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEia3rcsFUeSNcQx9wLtTGFvhDh0-AW-YqhYwXKJguntYBg4LmzxAxNp3AmQuoVwcquY2hlOQCTYiMu5U6-YrFVr1dCYaqMnPCMa6hGbljovQPK6hbcpy4MSBRKHA2mkRyPTIRFDv4210m4/s320/12334.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgoKqYzYGacPK4741UV91kp_FIwl-ukVE-H-f-YEGU9JZ1VQMwHx79N1wHEh7J_YrHov_xIPY2VigVtGqVY2CCZSRuAdZi8BMrExYKImHMCDyMx9q5q5MuF731aj2w6sSrbq-8r0PP7ApY/s320/errt.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEineQKEg5-H-83QOA3-psZG7OXS4GuOGlhX5w12xYEKvAjrnzrTkS2h1KkbBsQRgKJyagfP0_l8XzIwvdsk_wJzWDB3MQURIS2gzbFwRSUnVUcS63xkwr-zFu7hyphenhyphenq3u69QcgdSarivUKpU/s320/wer.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjJd-k_LFzQUDWGi0JiMlJ6lQIfmRFaN5NfbKR1UUVTECB25U_UCRUcJt6mcfKd7ML2XifUiuG6EjSIe2LYAyUr9gvOa_6Fcc5eL_uvOPDiSuIfUHx9VDpVRSOQE27er6Z3LVdsVHtYtrw/s320/qww.jpg)
การออกแบบโครงสร้างบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
4/7/53
งานโครงหลังคา 2.
1. โครงหลังคาที่ลึกมาก เนื่องจากช่วงเสายาวๆ ผู้ออกแบบไม่ได้คำนึงถึงการพับหรือล้มของโครงสร้าง ไม่ได้ตรวจสอบอัตราส่วนของความสูง วิธีแก้คือออกแบบเป็นรูปกล่อง เป็น 3 มิติแทน ก็คือชิ้นส่วนล่าง สอง และบนสอง ให้มีระยะห่างหน่อย ยิ่งห่างก็ยิ่งรับแรงได้มาก แต่อาจจะเปลืองเหล็กที่ถักที่เชื่อมระหว่าง 2 ชิ้น
2. การเลือกเหล็กทำโครงหลังคา เช่นโรงงานที่มีฝุ่นมาก ไม่ควรใช้โครงหลังคาที่เป็นรูปตัวยูหรือเหล็กฉาก เนื่องจากจะเป็นที่กักเก็บฝุ่นได้ ควรจะใช้เป็นเหล็กกลมแทน และอาจเป็นท่อเหล็กกลมสองท่อ แทนที่จะเป็นท่อเดียว คือเป็นโครงสร้างรูปกล่อง การกักเก็บฝุ่นน้อยกว่าท่อเหล็กกลมใหญ่ท่อเดียว และก็รับแรงทางด้านข้างได้สูงกว่าด้วย
3. รายละเอียดผิดกับทีออกแบบใว้ เช่นโครงสร้าง Truss เป็นการออกแบบที่มีแต่แรงตามแนวแกนเท่านั้น ก็คือมีแต่แรงอัดและแรงดึงเท่านั้น แต่สุดท้ายหน้างานกลับมีการว่างแปอยู่กลางชิ้นส่วน ไม่ได้วางที่จุดต่อต่างๆ ที่ได้ออกแบบใว้ หรือแบบสถาปัตย์มีช่วง Span ยาวๆ แต่ต้องการความลึกของคานน้อยๆ ผลก็คือคานแอ่นตัวมาก สุดท้ายแล้วอาคารก็ร้าว
4. การตัดคานโดยไม่คำนึงถึงผลข้างเคียง เช่นพวก บันได ที่มีโครงส้างต่อเนื่องกัน
5. ท่อน้ำฝนที่ต่อลงท่อ ระบายน้ำที่พื้น อย่าฝังอยู่กับคอนกรีตพื้น ให้มีระยะห่างหรือมีความยือหยุ่น เพราะเวลาพื้นคอนกรีตทรุด จะดึงท่อขาด
3/7/53
งานโครงหลังคา 1.
1. เหล็กยึดโครงหลังคาผิดที่ บางคนไม่เข้าใจว่าเหล็กยึดโครงหลังคามีใว้เพื่ออะไร ยังมีการใช้ที่ผิดมีให้เห็นกันบ่อยๆ เช่น ยึดใขว้ระหว่างหัวเสาแบบนี้ก็แย่แล้วครับวิศวกร ที่ผิดพลาด แบบนี้รับอะไรครับพี่น้อง
2. เหล็กยึดใข้ว ก็ยึดเพื่อป้องกันการเครื่อนตัวทางด้านข้าง โครงหลังคาแม้จะมีแปยึดอยู่แล้วก็ตาม ก็ยังเคลื่อนไปมาได้ แล้วพวกแรงลม พวกแรงยกต่างๆจากลมก็ยังมีผล การยึดแบบนี้จะทำให้โครงหลังคามีความมั่นคงมากขึ้น อาจจะยึดจากหัวเสาหนึ่งไปยังยอดของจั่วอีกตัว แต่ถ้าจั่วมีค้ำยันด้านข้างอยู่แล้ว เราก็อาจจะต้องเลื่อนตำแหน่งยึดลงมาที่ตำแหน่งท้องขื่อ การยึดควรยึดให้มีความสมดุลทั้งสองข้าง
3. การวางแปเหล็ก บางคนออกแบบให้หน้าคว่ำ (คนกำลังโค้งคำนับ)โดยอ้างว่าไม่ให้น้ำขัง น้ำที่ใหนมันจะมาขัง ถ้าอยู่ในที่ร่มและมีหลังคาครุมนะครับ การวางแปต้องวางหงาย(คนยืนตัวตรง)หน้าครับ เนื่องจากจะทำให้แรงกระทำภายนอกวิ่งฝ่านจุดศูนย์กลางฐานมากที่สุด ทำให้เกิดโมเมนต์ในตัวแปน้อย P.d ครับ
4. การวาง Sag Rod วัตถุประสงค์ของ Sag Rod เพื่อไม่ให้แปหย่อนทางด้านข้าง หรือพลิกเมื่อรับน้ำหนักของกระเบื้อง ทำให้กระเบื้องเป็นคลื่น เช่น แนว Sag Rod ไม่ตรงกันสลับเป็นฟันปลา แปก็คงจะแอ่นไปแอ่นมา บางคนเชื่อมจากล่างตัวหนึ่งและก็โยงไปเชื่อมกับตัวบนตัวหนึ่ง แต่ลืมมองไปว่าเวลาน้ำหนักกระเบื้องกระทำมัน ก็แอ่นทั้งหมด และที่ตำแหน่งของอกไก่ ไม่ได้เชื่อม Sag Rod ยึดกับอกไก่ครับ วิธีทางแก้อ่านเจอครับ แก้ใขด้วยการเชื่อมเหล็กแบน พาดยาวบนแปแล้วเชื่อมยึด แต่ต้องป้องกันตอนที่คนขึ้นไปทำงานตอนเชื่อมยึดด้วย
5. การรับแรงทางด้านข้างของของเหล็กโครงหลังคา ถ้าใช้เหล็กฉาก ประกบหลังกัน จะมีจุดเสีย รับแรงทางด้านข้างได้น้อย เมื่อขึ้นไปทำงานบนโครงหลังคา จะเกิดการแกว่ง เราสามารถ ทดแทนได้ด้วยเหล็กตัวยู U ได้พื้นที่หน้าตัดเท่ากัน รับแรงด้านข้างได้ดีกว่า ทำให้ลดการแกว่งและลดการแตกของกระเบื้องจากการทำงานได้ด้วย
1/7/53
คาน พื้น บันได
1. ไม่รู้จักใช้โครงสร้างครับ เช่นออกแบบบันได ความยาวบันได 7.00 ม.โดยโครงสร้างเป็นบันไดท้องแบน เพืองเห็นโครงสร้างสันนิษฐานใว้เลยว่าพังแน่นอนครับ ให้ตรวจสอบหน่วยแรงที่เกิดขึ้นกับคอนกรีต เกินจากค่าที่ยอมให้หรือไม่ครับ
2. ไม่รู้จักใช้ประโยชน์จากงานสถาปัตย์ เช่นออกแบบบันได ความยาวบันได 8.00 ม.แบบสถาปัตย์มีราวบันไดคอนกรีต ผู้ออกแบบโครงสร้างออกแบบเป็นบันไดท้องแบน และออกแบบราวบันไดเป็นก่ออิฐซึ่งถ้าใช้ราวบันไดเป็นคานตามแบบสถาปัตย์ ก็จะทำให้บันไดไม่ต้องมีความหนามากเกินไป และหน่วยแรงในพื้นก็น้อย การแอ่นตัวก็น้อย เหล็กเสริมก็ไม่มาก
3. ไม่ตรวจสอบรายละเอียด งานที่พบบ่อยที่เห็นอยู่ส่วนมากจะเป็นงานบันไดครับ เสริมเหล็กครอบมุมไม่หมด และเหล็กเสริมหลักอยู่ที่ผิวคอนกรีตตรงลูกตั้ง
4. ขาดการตรวจสอบหน่วยแรงที่ยอมให้ เช่น ออกแบบคาน ก็คิดแต่แรงดัดในคาน บางทีคานที่สั้นๆแต่มีแรงกระทำจากภายนอกมากๆ ก็อาจพังเพราะแรงเฉือนทั้งที่มีโมเมนต์น้อยครับ และกรณีคานยาวๆก็ดันไปดูแต่ค่าที่มีโมเมนต์สูงอีกโดยไม่พิจารณาการตรวจสอบการแอ่นตัวของโครงสร้าง
5. การตั้งสมมติฐานผิดจากความเป็นจริง แช่นคานต่อเนื่อง ที่คานช่วงริมยาว คานช่วงกลางสั้นการออกแบบต้องดูค่าโมเมนต์และแรงเฉือนดีๆนะครับ มีหลายครั้งที่ใส่เหล็กเสริมในคานช่วงกลางเหล็กล่างมากเหล็กบนช่วงหัวเสาน้อย คานอาจร้าวเพราะโมเมนต์ลบที่บริเวณหัวเสานะครับ
6. คานพังเพราะแรงเฉือน คานที่มีคานฝาก เช่นคาน 1ยาว 6 ม. และมีคานฝาก 2 ที่ระยะ 2 ม. ของคาน1 เวลาเริมเหล็กปลอก เสริมมากแค่ระยะ 1/4 (6) แต่แรงเฉือนคานฝาก 2 ถึงเสาเท่ากันตลอดจะเกิดรอยร้าวได้เพราะเหล็กปลอกไม่พอ
7. ไม่ได้คิดการขยายตัวของโครงสร้าง เช่น งานกำแพง หรืออาคารที่มีความยาวมากมักลืมเรื่องของการขยายตัวของวัสดุ ควรมีช่องว่างทุกๆ 50 ม. สูตร สำประสิทธ์การขยายตัวของวัสดุ x อุณหภูมิในประเทศไทย x ความยาวช่วง หน่วยเป็น ซม.
8. การเขียนแบบที่ผิด งานออกแบบ เช่นงานเสริมเหล็กต่างๆ ห่างกันเท่าไร เหสิมเหล็กกี่ชั้น ระบุให้ชัด บางทีเหล็กเสริมชั้นที่ 2 ไปอยู่กลางคาน จะทำให้การรับน้ำหนักของโครงสร้างผิดไป เป็นต้น
30/6/53
บทบาทของผู้จัดการโครงการ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjQhvgIlMaEowvaTtyHfqe9A9Pgi9DH0Q3UwibAfe8yoAkzvoXQIAMcYCd-0qhc2nCoj9ylHJ5A2svKm7mCfAPbsVYKfKiV7TFTKUkIl0VSXaJ3PLwz66coSubWCpJR-iMggCNf3R779M4/s320/1.jpg)
บทบาทของผู้จัดการโครงการก่อสร้าง เนื่องจากบทบาทของผู้จัดการโครงการ มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการบริหารจัดการโครงการ และสิ่งที่สำคัญคือความรู้ ความสามารถ ของผู้จัดการโครงการ ให้มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเป้าหมายของโครงการ ได้หรือไม่ และผู้จัดการโครงการควรจะมีความสามารถ ดังนี้
1. มีความสามารถในการเลือกและพัฒนาทีม
2. มีความรู้และความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคเป็นอย่างดี
3. เป็นผู้นำและเป็นที่พึ่งแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา มีความสามารถในการบริหารจัดการ
4. สามารถมองเห็นปัญหา และแก้ใขปัญหาของโครงการกล้าตัดสินใจอย่างมั่นใจ
5. บริหารโครงการโดยคำนึงถึงผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการ
6. มีความยืดหยุ่น ความเมตตา และจรรยาบรรณในการดำเนินงาน
7. มีความสามารถในการวางปผนงาน
8. มีความสามารถในการเจรจาตกลงและเป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย
9. มีความเข้าใจในสภาพแวดล้อมต่างๆ ตั้งแต่เริ่มบริหารจัดการโครงการ
10. มีความสามารถในการตรวจสอบ และควบคุมงานอย่างสม่ำเสมอ
11. มีความสามารถในการรวบรวม และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน
12. มีความสามารถจัดการทรัพยากรต่างๆ ในโครงการ
13. มีความสมารถในการจูงใจลูกค้าให้มีความรู้สึกพึงพอใจ
14. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่สูงกว่าผู้อื่น
15. มีวิสัยทัศน์กว้างไกล
16. เป็นผู้มีความสุขุมรอบคอบ มีความเด็ดขาด พูดจริงทำจริง
17. กล้าคิด กล้าทำ แต่ไม่โอ้อวด
18. มีความเป็นครูที่ดีแก่วิศวกรรุ่นน้อง
19. มีลักษณะภูมิฐานเป็นที่นับถือแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา เช่น การแต่งกาย
20. เป็นผู้มีความยุติธรรมสูง
21. มีความซื่อสัตว์สุจริตต่อองค์กร
22. สามารถพูด สื่อสารได้หลายภาษา
23. เป็นผู้ใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษาในความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ และไม่ยึดติดกับธรรมเนียมเก่าๆ
24. เป็นผู้มีปฎิภาณ ไหวพริบในการดูแลรักษาสภาพแวดล้อม และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโครงการ
25. รักษาศิล 5 มีธรรมในหัวใจ
การออกแบบโครงสร้าง Truss โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi3ADtWOHkXbSReqARlRsrNAkOR1-C2UGIfGNJAhkc7ytny65DgPI4Cm29FdmlqGyJe2CqiEr0bR6fLyKkhu_sDyEC1trBtDOeuqE-GyDa1ZW08dFe0vR87geLJp45U8qjPCcOikPGaPbE/s320/4.jpg)
เป็นการประยุคใช้โปรแกรม CCT-Truss นะครับ 1.แสดงแรงปฎิกิริยาในรูปกราฟฟิก
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijfpUw682HBpenxpRVEZloQkipYVZXwY7Qi4FN2PNSjYdTumReITMhSea4XT6ZyOB54dWxDez265OjksrOkR-q4ETZNgMBWRDONuZVS8By0rH6KMMwmYonPTbp3u1UhTT1zOz_UKK7ky0/s320/3.jpg)
2. แสดงแรงในชิ้นส่วนทุกชิ้นส่วน ทั้งแรงอัดแรงดึงครับ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-N1fNcHmcAIERK6kCYRUWGN4Ui0HbKNQvERP2bh0RwKZrPYFJa4q9Dk71R92tu5ri_qXVuEUCE9tAvnIWTB7NklEgQwHIlA9O9i936omSERityd-94Ml7XXASGtAzRmXdJf1s5mzE4Dk/s320/2.jpg)
3.แสดงการโก่งตัวของโครงสร้างในแนวดิ่งและแนวราบครับ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhxXuaukVKY5Sc6SVcytZWhiojRCFc7-HDFfOGBSwsbXtQe-_Y44ciMx-zWKHzx0-4dNIB_uHHHtMjmpDQMHTaSmpqZObBX3jkDKEWm03bMPIL_HJC-YzJyjOsF1LhtDFb6ZNBEQfC6Dk/s320/1.jpg)
เป็นโปรแกรมของ มหาลัยพราะจอมเกล้าพระนครเหนือครับ เป็นโปรแกรมฟรีนะครับ แต่คู่มือในตัวโปรแกรมไม่มีนะครับ ถ้าจะเอาติดต่อผมได้ หรือจะมาโหลด หรือถ่ายเอกสารได้ที่ห้องสมุดมหาลัยครับ
29/6/53
ประเภทของการวิจัยธุรกิจ
1.การวิจัยแบบสำรวจ (Exploratory Research)-เป็นการวิจัยเชิงสำรวจสภาพทั่วไปของตลาด ไม่นำข้อมูลทางสถิติมาช่วยวิเคราะห์ ไม่ต้องการข้อมูลที่ลึกซึ้ง
2.การวิจัยแบบพรรณา (Descriptive Research)-ตัวอย่างเช่น การสำรวจทัศนคติ ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ มีการวัด scale ว่ามีความพอใจมาก, น้อยเพียงใด
3.การวิจัยเชิงเหตุผล (Causal Research)-คือ ต้องการหาเหตุและผลของสิ่งนั้นๆ และผลกระทบของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร เพื่อต้องการที่จะระบุปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ทำไมยอดขายถึงตก ต้องใช้หลักการวิเคราะห์ทางสถิติ, มีการทดสอบสมมติฐาน การวิเคราะห์ความสัมพันธ์
ประโยชน์ของการเรียนรู้วิจัยธุรกิจ
1.ลดความเสี่ยงในการตัดสินใจ
2.ลดความผิดพลาดในการตัดสินใจ
3.รองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
4.ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารธุรกิจ
คุณสมบัติของผู้บริหารและนักวิจัยธุรกิจ คือ รอบรู้, ลึกซึ้ง, รอบคอบ, รู้จักใช้เทคโนโลยี และมีจรรยาบรรณ
จริยธรรมของการทำวิจัย โครงสร้างทางจริยธรรมและหลักเกณฑ์ทางด้านศีลธรรม คุณธรรม ที่เป็นที่ยอมรับของการทำวิจัย มีดังต่อไปนี้
1.สิทธิของบุคคล- ถ้าละเมิดอาจผิดกฎหมาย
2.หลักความยุติธรรม-ผลการวิจัยต้องให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ก่อให้เกิดความอคติต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
3.ความซื่อสัตย์ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย ต้องซื่อสัตย์ (ห้ามแต่งเติมตัวเลขเด็ดขาดครับ)
4.คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย ถ้าผลวิจัยมีความแม่นยำ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้วิจัยถึงแม้ผลวิจัยจะออกมาให้แง่ลบ แต่ผู้วางแผนจะได้วางแผนงานล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง
กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยคือ ผุ้ว่าจ้าง, ผู้วิจัย และผู้ตอบ
ลักษณะของแต่ละกลุ่มมีดังต่อไปนี้
ผู้ว่าจ้างไม่โฆษณาเกินความเป็นจริงจากผลการวิจัย ไม่เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นความลับจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และรักษาข้อผูกมัดทางวิจัย เช่น หลังการวิจัย 10 ปีผู้วิจัยจึงจะสามารถขายข้อมูลได้
ผู้วิจัยต้องมีความรู้ในการทำวิจัย ไม่ควรนำเสนอข้อมูล ที่มีความคลาดเคลื่อนสูง ต้องนำเสนอผลตามข้อเท็จจริง, ไม่สร้างข้อมูลขึ้นเอง
งานฐานราก
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgd2ZSTe4YWaOI_iluUo6ukkMZ8jcL9tVuk5MRnsnhI5u-XLXdWSWsCKPL6Fec0Pbfrr-a4sRydDT1gs0OYBdUg59cHNZONYbuuPSV_Hf6YFCsSyJK2hyQBv7pTZJfJZ2UGqHNbPubRZN4/s320/2.jpg)
งานฐานราก
1.เสาเข็มรับแรงลมไม่ได้ครับ เสาเข็มที่รับผนัง ใช้เข็มเดี่ยว การออกแบบที่ไม่ได้คำนึงถึงแรงลมทางด้านข้าง ที่ไม่สามารถรับโมเมนต์ทางด้านข้างได้ ซึ่งมีมากมายให้เห็นเหล็กเสาเข็มกับเหล็กตอม่อไม่มีความ ต่อเนื่อง แบบนี้ก็แย่แล้วพี่น้องครับ และเหล็กฐานรากควรเสริมเหล็กรับโมเมนต์ด้วยนะครับ การก่อสร้างจริงๆผมว่าต้องมีการเยื้องศูนย์ และตามทฤษฎีแล้วก็มีการถ่ายโมเมนต์นะครับ
2.ในส่วนของพื้นต่างๆนะครับ เช่นพื้นโรงรถ พวกบ้าน…..ต่างๆผมว่าควรจะตอกเข็มเพิ่มมีคานรองรับพื้นนะครับ เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้เมื่อเวลาผ่านไปผมมักจะเห็นพื้นทรุด บันไดที่เฉลียงก็แบกออกจากโรงรถ ผมว่าเสียบรรยากาศของบ้าน ราคาตอกเข็มก็ไม่แพง เพิ่มขึ้นอีกนิด แต่อายุการใช้งานมากขึ้น
3.การรู้จักใช้เสาเข็ม ลองนึกอาคารประภทโรงงานนะครับ บางแห่งใช้ฐานรากกลุ่มดูอลังการงานงานสร้างเลยครับ ช่วงคานยาวๆ คานก็ใหญ่โตเลยครับพี่น้องครับ ทางที่ดีถ้าจะแก้ใขผมว่าตอกเข็มในแนวคานซิครับ ช่วงสั้นๆ คานก็ไม่ใหญ่ ดีไม่ดีจำนวนเข็มก็เท่าๆกัน ตอกเสร็จหล่อคานได้เลยฐานรากก้ไม่มี ลองนึกถึงตอม่อสะพานนะง่ายๆ ไม่ต้องเปลืองงานฐานรากที่ใหญ่โตอลังการงานสร้าง ลดต้นทุนตั้งมากมายเลยครับ
4. งานเข็มของงานต่อเติมบ้าน อาคารต่างๆ ที่ทำต่างกรรมต่างเวลาซิครับ บางบ้านคิดแต่ว่าจะเอาราคาถูกๆก็หาผู้รับเหมาที่มีประสิทธิภาพต่ำมาใช้บริการ บางแห่งก็ตอกเข็ม หรือเข็มเจาะที่เท่ากัน บางแห่งก็ไม่เท่ากันกับอาคารเดิม และที่สำคัญก็เชื่อมอาคารเก่ากับใหม่เข้าด้วยกัน แบบนี้พัง ร้าว แย่แน่พี่น้อง การทรุดตัวของอาคารเก่ากับ ใหม่จะไม่เท่ากันครับ ควรหาวิศวกรที่มีความรู้มีความสามรถนะครับ และก็อย่าลืมขออนุญาติต่อเติมด้วย ถูกร้องเรียนรื้ออาคารขึ้นมา ท่านเสียกับเสียครับ
16/6/53
ตัวอย่าง การออกแบบการรับน้ำหนักของเสาเข็ม เมื่อไม่มีผลการเจาะสำรวจดิน
Help
1) Dimention Pile Ø = 0.5 m.
2) Dimention Pile = m.2
3) Length ( L) = 18 m.
4) Circumference of Pile = 1.57 m.
5) Surface For Pile 0 - 7 m. = 11.00 m.2
6) Allowable Skin Friction 0 - 7 m. MSL. = 600 k.g/m2
7) Capacity Load Pile 0 - 7 m. = 6,597 k.g
8) Surface For Pile 7 - 18 m. = 17.27 m.2
9) Deef Then 7 m. Below MSL. = 11 m.
10) Allowable Skin Friction 18 m. = 3,000 k.g/m2
11) Average Skin Friction 7 - 18 m. = 1,800 k.g/m2
12) Capacity Load Pile 7 - 18 m. = 31,086 k.g
Σ.Capacity Load Pile 37,683 k.g/Pile
37.00 T/Pile
นำค่าการรับน้ำหนัก / ต้นที่ได้ไปออกแบบฐานราก
วิศวกรผู้ออกแบบ
( นาย เจษฎาณัฐ ดุจวรรณ )
ตัวอย่าง การออกแบบการรับน้ำหนักของเสาเข็ม เมื่อมีผลการเจาะสำรวจดิน
1) Ø = 0.400 m.
Ap = 0.126 m.2
2) At Depth 3-5 m. = 2 m.
Nfield = 20.000 blows/ft.
Nadjust = 17.500 blows/ft.
Cu From boringlog = 10.719 t./m.2
α From Holmberg (1977) = 0.520
Qs (α.Cu)P.L = 14.008 t.
3) At Depth 5-6 m. = 1 m.
Nfield = 12.500 blows/ft.
Nadjust = 0.000 blows/ft.
Cu From boringlog = 7.656 t./m.2
α From Holmberg (1977) = 0.625
Qs (α.Cu)P.L = 6.013 t.
4) At Depth 6-8 m. = 2 m.
Nfield = 11.667 blows/ft.
Nadjust = 0.000 blows/ft.
Cu From boringlog = 7.146 t./m.2
α From Holmberg (1977) = 0.680
Qs (α.Cu)P.L = 12.212 t.
5) At Depth 8-10 m. = 2 m.
Nfield = 14.000 blows/ft.
Nadjust = 0.000 blows/ft.
Cu From boringlog = 8.575 t./m.2
α From Holmberg (1977) = 0.620
Qs (α.Cu)P.L = 13.362 t.
6) At Depth 10-11.5 m. = 1.5 m.
Nfield = 24.200 blows/ft.
Nadjust = 19.600 blows/ft.
Cu From boringlog = 12.005 t./m.2
α From Holmberg (1977) = 0.437
Qs (α.Cu)P.L = 9.889 t.
7) At Depth 11.5 -13 m. = 1.5 m.
Nfield = 57.200 blows/ft.
Nadjust = 36.100 blows/ft.
Cu From boringlog = 22.111 t./m.2
α From Holmberg (1977) = 0.250
Qs (α.Cu)P.L = 10.420 t.
8) At Depth 13 - 15 m. = 2 m.
Nfield = 83.000 blows/ft.
Nadjust = 49.000 blows/ft.
Cu From boringlog = 30.013 t./m.2
α From Holmberg (1977) = 0.208
Qs (α.Cu)P.L = 15.689 t.
9) End Bearing
Qp 9.Cu.Ap = 33.943 t.
10) Net Allowable Compression Load Capacity = 45 t./pile.
* Facter of safety = 2.5
วิศวกรออกแบบ
นาย.เจษฎาณัฐ ดุจวรรณ
18/5/53
Curriculum Vitee
Present address Dennakhon condo 608/32 ,2th Floor, Alley Phetka sam 63, Phetka sam rd ,
Sity/Town bang khae, Provincy bankok , Zip code.10160
TEL. +6689 - 7983497
E- mail : pe_thaiwin@yahoo.co.th
Career Qualifications :
1. Program Auto cad.
2. Microsoft office excel,word,PowerPoint.
3. Program foundation.
Program steel and timber design.
Program reinforced concrete design.
Program Visual Rc Dx2.
4. Program Microsoft Project 2003.
Program primavara project planner (P3.1).
5. Internet.
Personal Detail :
Age : xx Year Nationality : Thailand.
Date of birte : 23/12/xxxx .
Marital Status : Single.
Place of birth : NakornSriThamaraj.
Military Status : Exempted through Military Drawing Ballot.
Hobby : read the books, go to the cinema, go running.
Educational Background :
2551 - 2553 ( 2008 - 2010 ), King Mongkut’s University of Technology Nort Bangkok. M. Eng.,( Master of Engineering )in the fields of Construction Engineering Tecgnology.
2548 - 2550 ( 2005 - 2007 ), Bachelor Degree in the fields of Civil Engineering (B.Eng, Civil), southeast Asia university, Bkk.
2539 - 2541 ( 1996 - 1998 ), high vocational Certificate in civil (Cert.in Civil), technique NakornSriThamaraj college.
Job title : 1. Assistant Project Manager.
Expected Salary : 1,500 THB/Day And work more than 8 hours.
Proverb : Would like to an eagle, must to fly accompany eagle leader.
Experiences :
* Now, Project Interchange 21 has income xx,xxx THB/Month.
*phetgasem-bangkhae. Project Townplus.,Bangkok. Site and office Engineer had income xx,xxx THB/Month.
*Stadium Project.,Bangkok. Site and office Engineer had income xx,xxx THB/Month.
*electricity station digests Project.,Bangkok. Site Engineer had income xx,xxx THB/Month.
*water house Project.,Bangkok. Site Engineer xx,xxx THB/Month.
*Sawhery riverview Project.,Bangkok. Site Engineer had income 19,000 THB/Month.
*Trea sara Project.,Phuket.. Site Engineer had income 15,000 THB/Month.
*adjusts research animal the armyproject., Bangkok. Site Engineer had income 12,000 THB/Month.
*laboratory a animal kind duck project ., Bangkok. Site Engineer had income 12,000 THB/Month.
Training. History
Training. Program primavara project planner (P3.1) http://www.tumcivil.com/
Training. Program primavara project planner (P3) http://www.tumcivil.com/
Training. Program Etabs http://www.tumcivil.com/
Training. Risk management for construction project http://www.eit.or.th/
Training. special structure of civilwork . http://www.tumcivil.com/
Training. Program primavara project planner (P3) http://www.tumcivil.com/
Training. Hight - rise building design and seismic http://www.tumcivil.com/
Training. Reinforced concrete design( SDM.) http://www.tumcivil.com/
Training.Structural Steel design( ASD.) http://www.tumcivil.com/
Aim my life : small steps in my life ,I am do working carefully or safety. because have to idia my property . In work assign from the project manager or project hierarchy and opinion the admit, for steps professional engineer and when have experience................
Reference :
1.
2.
3.
4.
Should you have any query , comments or suggestion please do not hesitate to contact me .
Hopeful
1.1. การศึกษา มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ ป.ตรี, อุตสาหกรรมศาสตร์บัณฑิต (อส.บ.โยธา) พ.ศ.2542
1.2. การศึกษา มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ ป.ตรี, วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต (วศ.บ.โยธา)พ.ศ. 2548
1.3. การศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ป.โท, วิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต (วศ.ม. เทคโนโลยีวิศวกรรมการก่อสร้าง )พ.ศ. 2551
1.4. ผมต้องเรียนต่อปริญญาเอก ( ปร.ด.วิศวกรรมการก่อสร้างและบริหาร ประมาณปี 54 ) เพื่อต้องการจะรู้ก็แค่นั้น เรียนจบไม่จบไม่รู้ลองก่อน ต่อไปอาจจะไปเป็นอาจารย์ และมีงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ถ้าไม่ได้เรียนก็ไม่เป็นไรครับ และชีวิตก็มีอะไรอีกมากมายมากกว่าการศึกษาในห้องเรียน ก็คงทำงานเก็บเงินหาความสุขให้กับชีวิตมาก ๆ แต่ไม่คิดเอาเปรียบชาวบ้านชาวช่องเขา และตอบแทนให้กับสังคมบ้างนะเจษ
แผนปฏิบัตรการ 10 ปี 2008 – 2018 เต็มๆ ดูความเปลี่ยนแปลงในค้านต่างๆ
2. หางานทำที่มีความมั่นคง (ของตัวเองต่อไป)
2.1. มันต้องดูดี หากผมทำงานประจำ และงานนอกเวลา
2.2. ผมทำงานด้านอสังหา โดยมีรายได้จากงานวิศวกรรมโยธา
2.3. ผมทำงานที่บริษัทโดยเป็นลูกจ้าง และมองหางานที่สร้างกระแสเงินสด แต่หลังจากมีความพร้อมผมต้องมีบริษทเป็นของตนเอง เช่นรับสร้างบ้าน อาคารพานิชย์บนที่ดิน
2.4. ผมทำงานกับผู้ร่วมงานที่มีความคิดกว้างใกลมีวิศัยทัศน์มองภาพรวมขององค์กรโดยผมมีความรับผิดชอบงานในองค์กรมากขึ้นทุก ๆ แต่ทำงานน้อยลง คนมีส่วนร่วมกันมากขึ้นเพื่อความสำเร็จของบริษัท และวัดประสิทธิผลของผมเองไงครับ
2.5. ผมต้องเรียนรู้ทักษะ และพัฒนาขีดความสามารถในการสร้างบ้าน,คอนโด,และอื่น ๆ ที่เกี่ยวของกับวิศวกรรมการก่อสร้าง และเทคโนโลยี รวมถึงงานทุกอย่างที่ผมเข้าร่วม
2.6. ผมเป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ถ้าผิดหวังบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไร มีใครบ้างที่สมบูรณ์แบบ ก็ต้องยิ้มรับ เอ้ายิ้มครับ ๆ และทำการปรับปรุงแก้ใขต่อไป
2.7. ผมอยู่ในสถานะที่ดูดีในวงการของผมโดยไม่ว่าผมจะยืนอยู่ตรงใหน ให้มองว่าเป็นจุดที่สูงสุดของ ๆ ชีวิต จะได้ยิ้มได้ครับ เอ้ายิ้มครับ ๆ และทำงานอย่างมีความสุขก็มันเป็นงานที่ผมรักนี่ครับ
ทำอย่างไรเพื่อให้ได้มา
3. ด้านการเงิน
3.1. ผมหาเงินได้นับจากนี้เป็นเวลา 10 ปี จำนวนเงินอย่างน้อย x,xxx,xxx บาท.
3.2. ผมมีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ไม่หรูหราเป็นคนติดดินธรรมดาคนหนึ่ง ชิว ๆ ครับ
3.3. เมื่อมีเงินก็ต้องมี บ้านธรรมดาซัก 1 หลังพร้อมรถญี่ปุ่นซัก 1 คันซึ่งผมชอบรถ XXXXXXXXXX.... มาก ๆ เลยครับมันเป็นจินตนาการอยู่ในปี 50 แต่ถ้าเก็บเงินได้ และซื้อเพื่อเท่ ๆ หรูคงไม่ใช่ ซื้อเพื่อให้รถมันเลี้ยงเราคงดีกว่าซื้อเพื่อโก้หรู ((ตัดสินใจไม่ซื้อแล้ว เหตุผลเพราะผมตัดสินใจเรียนต่อไม่ซื้อแล้วรถไม่สำคัญ และเมื่อผมคิดทบทวนแล้ว มูลค่ามีแต่ลดลงๆ เช่น 1.ซื้อมาแล้วต้องเติมน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติเมื่อครบ 1 ปีเสียเงินเท่าไร ? 2. ค่าประกันในแต่ละปีเสียเงินเท่าไร ? 3. ค่าบำรุงรักษาในแต่ละปีเสียเงินเท่าไร ? 4. ค่าผ่อนรายเดือนในแต่ละปี ? )) ไม่ซื้อมีแต่เสียกับเสีย เก็บเงินดีกว่าผมไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้รถยนต์ในตอนนี้
3.4. ผมออมเงินจากทรัพสินย์ให้ได้ในแต่ละเดือนเป็นเงินออมอย่างน้อย xx,xxx บาท/ เดือน
3.5. ผมมีเงินออมจากทรัพสินย์ในแต่ละปีเป็นเงินออมอย่างน้อย xxx,xxx บาท/ ปี
3.6. ดังนั้นเมื่อครบ 10 ปี ผมมีเงินออมอย่างน้อย x,xxx,xxx บาท/ 10 ปี
3.7. เมื่อผมอายุครบ 65 ปี ผมมีเงินออมจากทรัพสินย์อย่างน้อย xx,xxx,xxx บาท/ 65 ปีเกษียรแต่ไม่มีใครรู้วัน ตายได้หรอกพรุ่งนี้ผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้ หรือผมอาจจะมีชีวิตอยู่ ซัก 80,90 ปี เพราะฉนั้นหาความสุขมาก ๆ เมื่อทำอะไรสำเร็จในช่วงชีวิตนั้น ๆ แต่อย่าให้คนอื่นเดือดร้อน และคนอื่นก็อย่ามาทำให้ผมเดือดร้อนเช่นกัน
ทำอย่างไรเพี่อให้ได้มา
4. ชีวิตครอบครัวของผมขอเริ่ม ถ้าทุกอย่างพร้อมเขาจะได้อยู่สบายไงครับ ตอนอายุ 35 ปีครับแต่ก็ไม่รู้นะบางทีอาจจะว่างเปล่าก็ได้ ก็ชีวิตมันเลือกบางอย่างไม่ได้นี่ ทำดีแล้ว แต่ก็ไม่ดีพอสำหรับเธอ คงจะอยู่กับคนที่ดีที่เธอคิดว่าดี หรือคนไม่ดีก็ไม่รู้ แต่เอก็เลือกไปแล้ว ก็เหลือแต่เราก้ต้องดูต้องหากันต่อไป
4.1. ก่อนอื่นพ่อ และแม่ น้อง ๆ ของผมต้องมีร่างกายที่แข็งแรงเพื่อจะได้อยู่กับผมไปนาน ๆ นะครับ
4.2. หาคนรัก และคนที่รักผมให้ได้ก่อนที่จะแก่เกินที่จะเยียวยานะครับบาวเจษตัวผมเองครับ
4.3. จะอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ มาตรฐานในการดำเนินชีวิตของผม ชอบที่จะพัฒนาตนเองและครอบครัวในแบบที่มีความมั่นคงถาวรมีอะไรต้องคุยกันช่วยกันคิดส่งเสริมซึ่งกัน และกันในการดำเนินชีวิต
4.5. ผมต้องรัก และเอาใจใส่คนที่ผมรักให้มาก ๆ ตอนนี้เริ่มที่จะคิด และตั้งใจแล้วแต่จะเริ่มกันที่ตรงใหน
ทำอย่างไรเพี่อให้ได้มา
5. สุขภาพของผมที่จะอยู่ให้มากกว่าอายุ 65 ปี เพื่อจะได้กินความสุข
5.1. ผมต้องออกกำลังกายทุกวันถ้าผมไม่ออกกำลังกายผมต้องเสียชีวิตตอนนี้เลยผมจึงต้องออกกำลังกายเพราะกลัวตายก่อนจะได้กินความสุข
5.2. น้ำหนักที่เหมาะสมของผมตามความสูงของผมต้องหนัก 65 กก.เมื่อความสูง 1.74 ม.ผมต้องเพิ่มน้ำหนักหน่อยแล้วครับ ผมจึงจะดูดีขึ้น ตอนนี้เพิ่มขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ถึงที่ต้องการอยู่ดี
5.3. ผมต้องออกกำลังกายตั้งแต่วันนี้ และหาหนังสือเกี่ยวกับอาหารการกินของผมเพื่อสุขภาพร่างกายของผมครับ
ทำอย่างไรเพี่อให้ได้มา